** ปุกาดปุกาด **
- เรื่องนี้ไม่มีจอมมารนะคะ
- เรื่องนี้เค้าให้น้องเฮอร์เป็นเลือดบริสุทธิ์นะคับ ก็คือแม่น้องมาจากตระกูลโรซิเออร์ที่เป็น 1 ใน 28 ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้เป็นเจ้าของธุรกิจผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่โลกเวทมนตร์ ส่วนพ่อของน้องเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลเซนต์มังโก ซึ่งตระกูลเกรนเจอร์เคยเป็น 1 ในตระกูลศักดิ์สิทธิ์ เข้าใจตรงกันนะคับ!
ในที่สุด เฮอร์ไมโอนี่ก็เดินทางมาถึงสถานที่จัดควิดดิชเวิลด์คัพสักทีหลังจากใช้เวลาในการเดินทางประมาณชั่วโมงกว่าๆ จริงๆแล้วเธอตั้งใจจะไปงานนี้กับผู้เป็นบิดาและมารดา แต่ทะว่าทั้งคู่กลับมีธุระสำคัญที่ต้องไปจัดการที่กระทรวงเวทมนตร์ฝรั่งเศส สองสามวันมานี้เฮอร์ไมโอนี่จึงต้องมาอยู่ที่บ้านโพรงกระต่ายของครอบครัววิสลีย์ซึ่งมีรอน วิสลีย์และแฮรี่ พอตเตอร์เพื่อนของเธออยู่ที่นั่นด้วย ส่วนเหตุผลที่มีแฮรี่ด้วยก็เป็นเพราะเขานั้นอยากที่จะดูเทปบันทึกการแข็งขันควิดดิชเวิลด์คัพที่รอนมีในทุกๆปีก่อนที่จะได้มาในวันนี้ ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าดูเทปไปแล้วมันจะได้อะไร เขาไม่ได้แข่งสักหน่อย แต่เมื่อคิดอีกทีมันอาจจะไม่ได้เป็นเพราะเพื่อนรักเธอทั้งสองแต่อาจจะเป็นที่ตัวเธอก็ได้ เพราะว่าเธอนั้นไม่ได้ชอบหรืออยากที่จะศึกษาในควิดดิชจึงไม่รู้อะไรหลายๆอย่างของกีฬาประเภทนี้ แต่อย่างน้อยๆเธอก็ยังรู้ข้อมูลพื้นฐานและตำแหน่งของผู้เล่น
ผู้เล่น
มีทั้งหมด 7 คน ต่อ 1 ทีมซึ่งประกอบด้วย 4 ตำแหน่ง ดังนี้
คีปเปอร์ – 1 คน มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้เชสเตอร์ของฝ่ายตรงข้ามขว้างลูกควัฟเฟิลเข้าประตูทำคะแนน
บีตเตอร์ – 2 คน มีหน้าที่ป้องกันผู้เล่นฝ่ายตนจากลูกบลัดเจอร์ โดยใช้ไม้ตี
เชสเซอร์ – 3 คน มีหน้าที่ขว้างลูกควัฟเฟิลเข้าประตูเพื่อทำคะแนน
ซีกเกอร์ – 1 คน มีหน้าที่จับลูกสนิชให้ได้ ผู้เล่นตำแหน่งนี้ต้องตัวเบาและบินเร็วที่สุด ถ้าจับลูกสนิชได้เมื่อไหร่ จะให้คะแนนกับทีม 150 คะแนน และเกมจะจบลงทันที
สนามและอุปกรณ์
สิ่งที่สำคัญในเกมควิชดิชก็คือ สนาม ไม้กวาด ลูกบอลควิดดิช และผู้เล่น ทีมหนึ่งจะมีผู้เล่น 7 คน สนาม – เป็นรูปไข่ยาว 500 ฟุต กว้าง 180 ฟุต มีวงกลมตรงกลางเป็นจุดปล่อยลูกบอล ที่ด้านหัวและปลายของสนาม มีประตู (ตะกร้าใบใหญ่) ด้านละ 3 ประตู เป็นเขตทำคะแนน
ไม้กวาด – เหมือนไม้กวาดของมักเกิ้ลธรรมดา แต่ถูกร่ายมนตร์ให้บินได้ เป็นยานพาหนะของพ่อมดแม่มด ในเกมใช้เพื่อบินขึ้นไปตี จับ ลูกบอลควิดดิชที่บินไปมา
ลูกบอลทั้งสี่ – เป็นลูกบอลที่ถูกใช้ในการแข่งขัน มีดังนี้
ควัฟเฟิล – 1 ลูก เส้นผ่านศูนย์กลาง 12 “ และไม่มีตะเข็บเลย เชสเซอร์ (ตำแหน่งผู้เล่น) จะขว้างลูกควัฟเฟิลนี้เข้าประตู (ห่วงสูง 15 ม.) ที่สุดปลายสนามแต่ละข้างเพื่อทำคะแนน (ลูกควัฟเฟิล 1 ลูก จะทำคะแนนได้ 10 คะแนน)
บลัดเจอร์ – ลูกบอลสีดำ 2 ลูก ที่ถูกร่ายมนตร์ให้บินไปชนผู้เล่นที่อยู่ใกล้มันที่สุด เพื่อให้ตกจากไม้กวาด ดังนั้นจึงต้องมีตำแหน่งผู้เล่น “บีตเตอร์” ขึ้นมา เพื่อไล่ลูกบลัดเจอร์ไปให้ไกลจากผู้เล่นทีมของตน
สนิชสีทอง – ลูกบอลสีทองขนาดเล็กจิ๋ว 1 ลูก เท่าลูกวอลนัตและมีปีก ถูกร่ายมนตร์ให้บินหนีจากการไล่จับ
กติกา
1. แม้ว่าจะไม่มีการจำกัดระดับความสูงที่ผู้เล่น จะสามารถบินขึ้นไปบนฟ้าในระหว่างการแข่งขัน แต่ผู้เล่นไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ต้องไม่บินเลยออกไปนอกเส้นกำหนดเขตสนาม ถ้าผู้เล่นบินข้ามเส้นเขตสนามไป ทีมของผู้เล่นคนนั้นต้องยกลูกควัฟเฟิลให้ทีมฝ่ายตรงข้าม
2. กัปตันทีมสามารถขอเวลานอกได้ คอยทำสัญญาณบอกกรรมการ เป็นช่วงเวลาเดียวที่จะให้ผู้เล่นแตะพื้นสนามได้ เวลานอกอาจยืดให้นานถึงสองชั่วโมง ถ้าการแข่งขันนั้นเล่นกันนานมากกว่า 12 ชั่วโมง ถ้าทีมใดไม่กลับมาที่สนามภายใน 2 ชั่วโมงให้ตัดสิทธิ์ทีมนั้นทันที
3. กรรมการสามารถลงโทษทีมผู้เล่นได้ เชสเซอร์ที่ได้ลูกโทษ จะบินจากวงกลมตรงกลางไปยังเขตทำคะแนน ผู้เล่นทั้งหมด ยกเว้นคีปเปอร์ของทีมฝ่ายตรงข้าม ต้องอยู่ข้างหลังระหว่างที่มีการขว้างลูกโทษ
4. สามารถแย่งลูกควัฟเฟิลจากมือของผู้เล่นอีกฝ่ายหนึ่งได้ แต่ห้ามผู้เล่นแตะต้องร่างกายไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใดของผู้เล่นอีกฝ่าย ไม่ว่ากรณีใดๆ
5. ในกรณีที่ผู้เล่นบาดเจ็บ ไม่ให้มีผู้เล่นสำรองมาแทน ทีมต้องเล่นต่อไปโดยไม่มีผู้เล่นที่บาดเจ็บนั้น
6. สามารถนำไม้กายสิทธิ์ติดตัวเข้าไปในสนามได้ แต่ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม ห้ามใช้ไม้กายสิทธิ์กับผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ห้ามใช้กับไม้กวาดของอีกฝ่าย และห้ามใช้กับกรรมการ ลูกบอล และคนดูด้วย
7. เกมควิดดิชจะยุติได้ต่อเมื่อจับลูกสนิชสีทองได้ หรือด้วยความยินยอมพร้อมใจของกัปตันทีมทั้งสองฝ่าย
ที่มา : กีฬาควิดดิช
และนี่คือข้อมูลพื้นฐานที่เธอรู้เกี่ยวกับควิดดิช
"เป็นไงเฮอร์ไมโอนี่"เฟร็ดเอ่ย
"มันสุดยอดไปเลยใช่มั้ย"จอร์จเสริม
"แล้วทำไมต้องต่อประโยคกัน พูดให้มันจบประโยคสักคนไม่ได้หรือยังไง"เฮอร์ไมโอนี่เบรกฝาแฝดวิสลีย์ไว้ก่อนที่เขาจะพากันพูดต่อประโยคกันไปมากกว่านี้ เธอรู้สึกขัดใจเป็นอย่างมากที่จะต้องฟังพวกเขาพูดแบบนี้ เอาจริงๆพวกเขาก็พูดแบบปกติได้ แต่เมื่อเขารู้ว่าเธอไม่ชอบให้พูดแบบนี้พวกเขาก็ยิ่งแกล้ง
"ค้าบคุณหนูเฮอร์ไมโอนี่ แล้วเป็นไงที่นี่ดูน่าสนุกแบบที่พวกฉันเคยบอกมั้ย"จอร์จถามอีกครั้ง
"ก็ดูครึกครื้นดี"เมื่อเธอพูดจบเฟร็ดที่ยืนทางด้านขวาก็เธอก็ตบมือขึ้นมาพร้อมกับแบมือไปยังแฝดของตน เฮอร์ไมโอนี่ที่เห็นเช่นนั้นก็พอจะเดาได้ว่าพวกเขาคงจะต้องพนันกันว่าเธอจะตอบอย่างไรเป็นแน่
เมื่อเห็นเฟร็ดแบมือเช่นนั้นจอร์จที่แพ้พนันก็ต้องนำเงิน 10 ซิกเกิ้ลที่วางพนันไปให้กับเฟร็ดที่ทายถูกเกือบจะทั้งประโยคโดยเฟร็ดทางว่าเฮอร์ไมโอนี่จะต้องตอบว่า 'ก็ครึกครื้นดี' ส่วนเขาทายว่า 'ก็งั้นๆแหละ' เพราะทุกครั้งเวลาคนอื่นๆพูดถึงควิดดิชเฮอร์ไมโอนี่มักจะไม่สนใจและดูเบื่อๆกับหัวข้อสนทนา ใครจะไปรู้ว่าเธอจะตอบเช่นนั้น
เฮอร์ไมโอนี่เลือกที่จะเดินหนีสองแฝดมาหาจินนี่ที่ตอนนี้กำลังดูตื่นตาตื่นใจกับผู้คนรอบข้าง ตอนนี้พวกเธอเข้าเขตพื้นที่ที่ใช้ในการกางเต็นท์ซึ่งเต็มไปด้วยคนมากหน้าหลายตาที่มาจากทั่วทุกสารทิศ บางคนที่ไม่มีอะไรทำก็แสดงความสามารถพิเศษ บ้างก็ร้องรำทำเพลง ซึ่งมันดูน่าตื่นตาตื่นใจจนหญิงสาวที่ไม่ได้สนใจอะไรในตอนนี้แรกกลับรู้สึกตื่นเต้นด้วยสะแล้ว
"ดูนั่นสิพี่ไม"จินนี่กล่าวพร้อมชี้ไปที่รูปบนผ้าผืนใหญ่ที่น่าจะเป็นสมาชิกควิดดิชทีมชาติของบัลแกเรีย ทีมที่จินนี่คลั่งไคล้และเชียร์อยู่ เฮอร์ไมโอนี่จึงพยายามที่จะมองหน้าแต่ละคนแต่เธอก็ต้องยกเลิกความคิดนี้ไปเพราะว่าตอนนี้มีผู้คนมากมายสัญจรไปมา ถ้าหากเธอมัวแต่มองสิ่งนั่นเธออาจจะเดินชนผู้อื่นก็เป็นได้
"ฉันอดใจไม่ไหวแล้ว ถ้าไปถึงที่เต็นท์ พี่พาฉันออกมาเดินเล่นหน่อยได้มั้ย ฉันอยากไปดูโปสเตอร์ของครัมป์" จินนี่กะพริบตาถี่ๆทันทีเมื่อพูดจบประโยค เฮอร์ไมโอนี่ที่เห็นเช่นนั้นก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ และเธอก็อยากที่จะเดินสำรวจอยู่แล้งจึงพยักหน้าตกลงจินนี่ไป
ใช่เวลาประมาณสิบนาทีอาร์เธอร์ก็สามารถหาเต็นท์ที่จองไว้เจอ เธอดูแปลกใจกับเต็นท์ที่ดูเล็ก เล็กสะจนไม่น่าจะบรรจุเธอ แฮรี่ และครอบครัววิสลีย์ไว้ได้ แต่โลกเวทมนตร์นั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้าให้เธอทายภายในเต็นท์ใช้คาถาขยายพื้นที่จึงทำให้มีพื้นที่กว้างขึ้นหลายเท่าและทำให้สามารถอยู่ร่วมกับได้เป็นสิบคน
เมื่อเข้าไปภายในเต็นท์ก็เป็นดังที่หญิงสาวคิด ภายในเต็นนั้นใช้คาถาขยายพื้นที่เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการใช้สอยจริงๆด้วย ซึ่งมันกว้างกว่าที่เธอคิดเสียอีก ในเต็นท์นั้นมีห้องน้ำ ครัว ที่นอน และพื้นที่สำหรับนั่ง ซึ่งถือว่ากว้างขวางเป็นอย่างมาก เฮอร์ไมโอนี่จึงไม่ต้องกังวลใจเรื่องการนอนไป
หลังจากที่เก็บของเรียบร้อยเฮอร์ไมโอนี่และจินนี่ก็ขออาร์เธอร์ผู้ที่เป็นผู้ปกครองของเธอทริปนี้ไปเดินเล่นกับจินนี่ ซึ่งเขาก็อนุญาตแต่โดยดี เพราะที่นี่นั้นมีความปลอดภัยเป็นอย่างมาก เฮอร์ไมโอนี่และจินนี่เดินมาผ่านเต็นท์มาเรื่อยๆก็พบกับบู้ทขายของทั้งสองทีมชาติ ซึ่งแน่นอนว่าจินนี่จะต้องมุ่งไปทางทีมชาติบัลแกเรียอยู่แล้ว เฮอร์ไมโอนี่จึงเดินตามเด็กสาวไปแต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีเสียงหนึ่งทักขึ้น
"มาเดินเล่นหรอ"เป็นเซดริกที่เอ่ยพร้อมกับเดินเข้ามาหาเธอ
"ใช่ จินนี่อยากมาเดินเล่นเลยมาเป็นเพื่อนน่ะ"เฮอร์ไมโอนี่ตอบพร้อมกับเดินตามจินนี่มุ่งไปหาจินนี่เช่นเดิม เพิ่มเติมคือมีเซดริกที่เดินตามมาอยู่ทางด้านซ้ายของเธอ
"อ้าวพี่เซด มาเดินเล่นเหรอคะ"ทันทีที่ถึงบู้ดขายของทีมชาติบัลแกเรีย จินนี่ที่ถึงก่อนสักครู่เมื่อหันมาพบกับเซดริกก็เอ่ยถามขึ้นมา เขาพยักหน้าแทนคำตอบ
"อยู่บู้ทบัลแกเรียขนาดนี้แสดงว่าเธอเชียร์คนละทีมกับพี่น่ะสิ"เซดริกพูดพร้อมกับเลิกคิ้ว จินนี่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มอ่อนๆให้กับรุ่นพี่ต่างบ้านในทันที ส่วนหนึ่งก็มาจากใบหน้าที่หล่อเหลือร้ายของเขา อีกส่วนหนึ่งก็คงมาจากโปรเตอร์วิคเตอร์ ครัมป์ในมือของเธอ
"ไว้เจอกันตอนเริ่มงานนะ"เซดริกที่หันไปเจอผู้เป็นพ่อกวักมือเรียกก็ขอตัวในทันที สองสาวที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเข้าใจก่อนที่จินนี่จะหันไปเลือกโปสเตอร์ของซีกเกอร์ที่ติดทีมชาติตั้งแต่อายุยังน้องอย่างวิคเตอร์ ครัมป์ต่อ ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่แต่ไม่ได้อยากที่จะขัดเพราะมันเป็นความชอบส่วนบุคคล แต่โปสเตอร์ของเขานั้นมีแต่สีหน้าเดิมๆมีเพียงแค่ท่าโพสต์ที่เปลี่ยนไป ถ้าหากเขาผ่อนคลายและมีสีหน้าที่ธรรมดากว่านี้มันคงจะดูน่าซื้อเก็บไปเป็นที่ระลึกไม่ก็เก็บสะสมเป็นแน่
จินนี่ที่ไม่สามารถเลือกรูปโปรเตอร์ได้จึงจัดการซื้อมาอย่างละใบโดยขอความช่วยเหลือจากเฮอร์ไมโอนี่ให้ช่วยโกหกอาร์เธอร์ผู้เป็นพ่อว่ามันลดราคาพอดีเธอจึงซื้อมา ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรถ้าจะช่วยเหลือคนตรงหน้า เธอจึงช่วยถือโปสเตอร์บางส่วนเพื่อกลับไปยังเต็นท์ ซึ่งขากลับนี้คนเยอะกว่าเดิมเสียอีก ทำให้เธอจำเป็นที่จะต้องใช้สมาธิในการหลบหลีกผู้คนรอบข้างเป็นอย่างมาก
ปึก!
เฮอร์ไมโอนี่ที่ชนเข้ากับคนที่ตัวใหญ่กว่าเธอหลายเท่าก็เซในทันที ซึ่งในตอนนั้นเธอไม่สามารถปล่อยโปสเตอร์ที่จินนี่รักไปได้เธอจึงต้องยอมรับในชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น ในขณะที่เธอคิดว่าเธอจะต้องล้มอย่างแน่นอนจู่ๆก็มีมือหนาของใครบางค้นคว้าเธอไว้สะก่อน
หมับ!
เฮอร์ไมโอนี่เซไปตามทิศทางการออกแรงของเจ้าของมือหน้าที่ช่วยเธอไว้ ไม่นานใบหน้าของเธอก็ปะทะเข้ากับอกแกร่งของเขา ซึ่งแน่นอนว่าคนตรงหน้าเธอนั้นต้องเป็นผู้ชายอย่างแน่นอน
"ขอบคุณนะคะ"เฮอร์ไมโอนี่กล่าวพร้อมกับผละออกจากคนตรงหน้าแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองเพื่อจดจำเอาไว้ว่าใครหันที่ช่วยเธอ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองคนตรงหน้าเธอก็ต้องขมวดคิ้วในทันที เพราะเขาเป็นชายรูปร่างสูงและมีกล้ามเนื้อที่ดูเหมือนจะมาจากการออกกำลังกาย มีผมสีดำเกรียนใส่หมวกแก๊ปที่ดึงลงจนปิดดวงตา และไหนจะแมสสีขาวที่ปิดปากนั่นอีก
หรือเขาจะไม่สบาย?
นี่เป็นประโยคแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ แต่ดูไปแล้วเขาก็ดูสบายดี
"ผมขอตัวก่อนนะครับ"ไม่ทันที่เธอจะได้พิจารณาอะไรต่อคนตรงหน้าก็ขอตัวไปเสียดื้อๆ เฮอร์ไมโอนี่ที่เห็นเล่นนั้นก็จำเป็นที่จะต้องทิ้งความสงสัยของเธอเอาไว้และปล่อยให้เขาได้ไปทำธุระต่อ แต่เมื่อนึกถึงลักษณะรูปร่างเขาแล้วมันดูคุ้นๆเหมือนเธอเคยเจอที่ไหนสักที่แต่เธอก็จำไม่ได้เธอจึงได้แต่สลัดทุกคำถามที่ค้างคาใจทิ้งแล้วเดินตรงไปยังเต็นท์ของตนต่อไป
ช่วงเวลาหนึ่งทุ่มเป็นเวลาที่ใกล้จะถึงพิธีเปิดการแข่งขันควิดดิชเวิร์ลคัพ จินนี่ที่อยากจะเข้าห้องน้ำก่อนขึ้นไปบนอัฒจันทร์เชียร์ก็ชวนเฮอร์ไมโอนี่มาเป็นเพื่อน เฮอร์ไมโอนี่ที่อยากจะหาซื้อขนมขบเคี้ยวและน้ำดื่มที่ขายใกล้ๆกับห้องน้ำก็ตอบตกลงในทัน
ในระหว่างที่รอจินนี่ต่อคิวเข้าห้องน้ำเฮอร์ไมโอนี่มาเลือกซื้อของรอเพื่อนรุ่นน้อง ตอนนี้เธอเลือกของที่เธอจะซื้อไปทานเล่นได้แล้วซึ่งก็คือมันฝรั่งทอดและน้ำอัดลม จริงๆตอนแรกเธออยากจะซื้อขนมหวานแต่ดูท่าแล้วไม่น่าจะเหมาะกับงานควิดดิชเท่าไหร่เธอจึงเลือกมันฝรั่งและน้ำอัดลมแทน เมื่อร่างบางเลือกได้ก็เดินไปสั่งพนักงานในทันที
" 30 ซีกเกิ้ลค่ะ"ทันทีที่พนักงานบอกยอดเฮอร์ไมโอนี่ก็เปิดกระเป๋าสตางค์เพื่อที่จะควักเงินออกมาจ่ายในทันทีแต่ทว่ามีคนแทรกขึ้นสะก่อน
"จ่ายรวมกัน ไม่ต้องทอน"เสียงยานคางเอ่ยพร้อมกับยื่นเหรียญ 1 เกลเลียนไปให้กับพนักงานขาย ซึ่งน้ำเสียงเช่นนี้มีเพียงคนเดียวที่เธอรู้จัก คนๆนั้นก็คือ เดรโก มัลฟอย เมื่อเขาพูดจบเขาก็เดินออกไปทันที เฮอร์ไมโอนี่ที่ไม่ได้อยากจะให้เขาเลี้ยงสักหน่อยจึงเดินตามเพื่อที่จะให้เงินในส่วนที่เธอต้องจ่ายคืนให้กับเขาไป
หมับ!
"มัลฟอย นี่สำหรับค่าอาหารของฉัน"เฮอร์ไมโอนี่ที่คว้ามือของเขาไว้ได้พูดขึ้นพร้อมกับยัดเงิน 30 ซิกเกิ้ลไปในมือเขา แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามยัดเท่าไหร่เธอก็ไม่สามารถยัดลงไปได้
"ฉันเลี้ยง"เขาหันมาเผชิญหน้ากับเธอ
"แล้วจะเลี้ยงฉันทำไม ไม่ได้ขอสักหน่อย"เฮอร์ไมโอนี่กล่าวพร้อมกับพยายามแบมือขาวซีดของคนตรงหน้าออก
"เรียกฉันว่าเดรโกก่อนสิ ฉันถึงจะยอมรับเงินของเธอ"เขากล่าว หญิงสาวที่ได้ยินเช่นนั้นก็เลิกคิ้วเรียงสวยขึ้นในทันที
"แล้วทำไมฉันต้องเรียกนายว่าเดรโก"เฮอร์ไมโอนี่ถามกลับ
"ทีตอนเด็กเธอยังเรียกได้เลย"เขาตอบ
"โอเคๆ เดรโกก็เดรโก นายรีบรับเงินฉันไปสะเถอะ ฉันไม่อยากติดหนี้ใคร"ทันทีที่เธอเรียกเขาว่าเดรโก เขาก็ยอมรับเงินแต่โดยดี ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่คิดว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิดที่เขาต้องการให้เธอเรียกเขาว่าเดรโก และประโยคก่อนหน้ามันดูตัดพ้อยังไงไม่รู้
"ก็ฉันบอกอยู่ว่าฉันเลี้ยง เธอจะติดหนี้ฉันได้ยังไง" เขาตอบทันควันก่อนที่จะหมุนตัวแล้วเดินหนีเธอไปในทันที ก่อนที่เธอจะสามารถกล่าวอะไรได้อีก ซึ่งนั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่จินนี่ออกมาจากห้องน้ำอย่างพอดิบพอดี
"พี่คุยกับใครน่ะ"จินนี่ที่เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องน้ำอย่างพอดิบพอดีถามขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ที่ถูกถามก็ตอบว่าไม่มีอะไร ทั้งสองสาวจึงเดินมุ่งมาไปหาคนที่เหลือที่ยืนรอเธออยู่ใกล้ๆทางขึ้นอัฒจันทร์ ซึ่งครอบครัววิสลีย์ แฮรี่ และสองพ่อลูกดิกกอรี่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมเพื่อรอสองสาวขึ้นไปพร้อมกัน
"ถามหน่อยครับพ่อ เราอยู่สูงแค่ไหน"รอนถามผู้เป็นบิดาที่ตอนนี้กำลังสำรวจไปรอบ ซึ่งคำถามนั้นมันดันไปเข้าหูชายผู้ที่มีผมซีดผู้พ่อเข้าสะก่อน คำตอบที่ได้รับจึงไม่ได้มาจากเอมอสผู้เป็นพ่อของเขา
"คือแบบนี้ก็แล้วกัน ถ้าฝนตกเราจะรู้ก่อนใคร"ชายผู้มีผมซีดพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันซึ่งเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือลูเซียส มัลฟอย พ่อของเดรโก มัลฟอยที่เขาถอดแบบมาแบบเป๊ะๆ และเขาก็ยังเป็นเพื่อนกับแม่ของเฮอร์ไมโอนี่อีกด้วย
"ฉันกับพ่อจะนั่งในบล็อกชั้น 1 ของรัฐมนตรี เราได้รับเชิญเป็นการส่วนตัวจากคอนเนเลียส ฟัดจ์เองกับตัวเลย"
"อย่าคุยโวเดรโก ไม่จำเป็นกับคนพวกนี้"แล้วเดรโกก็ถูกผู้เป็นบิดาใช้ไม้เท้าซอกเข้าที่ท้องหน่อยๆ เพื่อให้เขาหยุดพูด แต่ท้ายประโยคก็แอบจิกกัดครอบครัววิสลีย์
จริงๆแล้ว เวลาที่เธอเจอลุงลูเซียส เขามักจะเป็นคนที่ดูใจดีและพูดดีเป็นอย่างมาก ซึ่งพอมาเจอเขาปะทะกับลุงเอมอสแบบนี้เธอเริ่มแอบกลัวเขาสะแล้ว ตอนนี้เขาคงยังไม่เห็นเพราะถูกเฟร็ดและจอร์จบังอยู่ อย่างน้อยเธอก็ไม่ถูกทักและเดรโกที่เห็นเธอก็ปิดปากเงียบไปบอกผู้เป็นพ่อของตน หลังจากเขาถากถางครอบครัววิสลีย์เสร็จ เขาก็เดินไปบล็อกชั้นหนึ่งกับลูกชายแบบไม่สนใจใครอีกเลย ตอนนี้เธอเห็นรอนและจินนี่โกรธเป็นอย่างมาก หญิงสาวจึงทำได้เพียงบอกในทั้งคู่ใจเย็นและอย่าไปฟังคำพูดของเขา
เมื่อมาถึงบนอัฒจันทร์แล้วจู่ๆเฟร็ดก็นำผ้าพันคอทีมไอร์แลนด์มาพันให้เธอเพื่อหาพวกและเขาก็ได้ใส่หมวกสีเขียวบนหัวของจินนี่ผู้เป็นน้องสาว ในตอนแรกจินนี่ก็มีท่าทีหึดหัด จอร์จที่เห็นเช่นนั้นจึงบอกว่าเขาไม่ได้ให้ใส่ฟรี เขาจ้างเธอใส่ต่างหาก จินนี่ที่เพิ่งจะเสียเงินไปกับการซื้อโปสเตอร์ของครัมก็ยอมตกลงแต่โดยดี และไม่นานก็มีเสียงแตรเป่าขึ้นก็มีการจุดพลุที่ทำให้เกิดเป็นเหมือนตัวการ์ตูนใส่ชุดและหมวกสีเขียวกำลังเต้น นักกีฬาควิดดิชทีมชาติไอร์แลนด์บินโลดแล่นเข้ามาในสนามกันแบบพร้อมเพรียง ตรงผืนไม้กวาดมีมีติดสเปรย์พ่นสีขาวสลับเขียว ทำให้เมื่อเวลาบินไปทางไหนก็จะเห็นเป็นสีขาวแล้วเขียวสลับกัน
ไม่นานจากตีมขาวเขียวก็เปลี่ยนกลายมาเป็นสีแดง ซึ่งนั่นเป็นทีมชาติบัลแกเรีย นักกีฬาพากันขี่ไม้กวาดพุ่งเฉียดอัฒจันทร์จนดูน่าหวาดเสียวแต่ก็เท่ในคราวเดียว แล้วจู่ๆอัฒจันทร์ตรงข้ามก็เปลี่ยนรูปของผู้ชายคนหนึ่ง ตอนแรกเธอก็ว่าจะให้ไปถามจินนี่แต่ทะว่าจินนี่ก็อุทานคำว่าวิคเตอร์ ครัมป์มาสะก่อน เธอจึงไม่ต้องเอ่ยถามไป เฮอร์ไมโอนี่จึงพิจารณาดูซีกเกอร์ที่จินนี่และรอนคลั่งนักคลั่งหนา เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปรงกำยำ ผมสั้นเกรียนสีดำ ผิวขาวอมชมพู ดวงตาดุดันที่รับกับใบหน้าได้อย่างพอดิบพอดี เธอพอจะรู้แล้วว่าทำไมจินนี่ถึงคลั่งเขาขนาดซื้อโปสเตอร์ท่าโพสละใบ เขาเป็นผู้ชายหล่อเหลือร้ายดีๆนี่เอง
หลังจากที่แต่ละทีมออกมาพบปะผู้ชมเรียบร้อย ทางคณะกรรมการก็ได้ทำการเริ่มแข่งขัน เฮอร์ไมโอนี่ที่ไม่ค่อยจะชอบดูสักเท่าไหร่จึงเลือกที่จะเอาหนังสือเล่มบางที่ตนได้แอบพกมาด้วยมาเปิดอ่าน ซึ่งหนังสือเล่นนั้นเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับการป้องกันตัวของมักเกิ้ลที่แฮรี่เพิ่งจะให้มาเมื่อเช้านี้ ในตอนแรกเธอก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าเขาจะให้มาทำไม แต่เมื่อเปิดอ่านไปแล้วเธอก็พอจะเข้าใจว่าเพราะอะไร มันคงเป็นเพราะเมื่อปีสองเธอปฏิเสธรุ่นพี่บ้านสลิธีรินคนหนึ่งไปซึ่งเขาไม่พอใจเป็นอย่างมากจึงเกือบจะทำร้ายเธอ ซึ่งโชคดีที่แฮรี่และเดรโกที่ถูกกักตัวในวิชาแปลงร่างเข้ามาเจอพอดีพวกเขาเลยได้ช่วยเธอไว้ทัน
น่าเสียดายหน่อยที่เธอเป็นคนอ่านหนังสือไว ภายในไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเธอก็สามารถอ่านจบเล่มแล้ว หญิงสาวจัดการเก็บหนังสือที่ตนพกมาไว้กับช่องใส่ของทางด้านในเสื้อกันหนาว คนอื่นๆที่ชื่นชอบในควิดดิชต่างพากันยืนเพื่อที่จะชมควิดดิชติดขอบสนามอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งที่ตรงนั้นมีเพียงเธอและคนส่วนน้อยเพียงเท่านั้นที่นั่งลง
เสียงพิธีกรประกาศอย่างต่อเนื่องว่าทั้งสองทีมนั้นผลัดกันทำแต้ม แต่เท่าที่คำนวณคร่าวๆตอนนี้ทางฝั่งไอร์แลนด์จะมีแต้มมากกว่า เมื่อพิธีกรประกาศว่าตอนนี้ซีกเกอร์หนุ่มทางฝั่งบัลแกเรียเห็นลูกสนิชแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ที่อยากจะรู้จริงๆว่าเขานั้นจะเก่งสักเท่าไหร่เชียวจึงลุกขึ้นไปยืนข้างๆแฮรี่ที่เชียร์อย่างใจจดใจจ่อ
หญิงสาวโฟกัสไปที่หนุ่มหัวเกรียนสวมชุดทีมชาติบัลแกเรียนามว่าวิคเตอร์ ครัมป์พยายามบังคับไม้กวาดเบี่ยงหลบลูกบลัดเจอร์และพยายามที่จะคว้าลูกสนิช โดยที่มีซีกเกอร์ทางฝั่งไอร์แลนด์ตามมาติดๆ วิคเตอร์มีทักษะที่เป็นเลิศไม่ว่าลูกบลัดเจอร์จะตรงมาทางด้านไหนเขาก็สามารถหลบหลีกได้เสมอ แต่ทะว่าในครั้งนี้เขาเข้าใกล้ลูกสนิชไปอย่างมาก แต่ว่าดันมีลูกบลัดเจอร์ที่ไหนไมารู้พุ่งมาทางเขารวดเร็วกว่าลูกก่อนๆ เฮอร์ไมโอนี่ที่เห็นเช่นนั้นก็เปิดตากว้างในทันที เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่หลบไปสักที ลูกบลัดเจอร์ที่พุ่งไปหาเขาอย่างรวดเร็วนั้นใกล้จะถึงเขาอยู่แล้ว
ปึก!
ลูกบลัดเจอร์กระทบเข้าที่ไหล่ของเขาอย่างรวดเร็ว เขามีสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดที่โลดแล่นเข้ามาอย่างเด่นชัด แต่ทะว่ามืออีกข้างที่ยังคงปกติดีของเขาชูขึ้นพร้อมกับมีลูกสนิชอยู่ในมือ กองเชียร์ร้องเฮสักพักก่อนที่พิธีกรจะประกาศคะแนน ซึ่งน่าเสียดายไม่น้อยแม่ว่าเขาจะยอมเจ็บตัวเพื่อแลกกับการจับลูกสนิชได้ แต่ทะว่าทีมชาติไอร์แลนด์ที่มุ่งทำแต้มกลับชนะไปด้วยคะแนนที่ห่างกันเพียง 10 แต้ม
แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บแต่เขาก็ยังคงพยายามที่จะข่มความเจ็บนั้นเอาไว้จนรอรับเหรียญ แต่ทะว่าเฮอร์ไมโอนี่ดันเหลือบไปเห็นว่าเขานั้นมีสีหน้าที่ไม่ดีแล้วจริงๆ ในจังหวะนั้นจู่ๆวิคเตอร์ ครัมป์ก็ร่วงลงจากไม้กวาด
"เพลลิส โมลลิส!"เฮอร์ไมโอนี่เธอก็ไม่ได้อยากที่จะทำผิดกฎกระทรวงที่ห้ามเด็กที่อายุต่ำกว่า 17 ปีใช้คาถานอกโรงเรียนนักหรอก แต่ถ้าหากเธอไม่เสกคาถาสร้างเบาะรองรับผู้ที่ตกมาจากที่สูงเขาคงจะต้องตกไปข้างล่างอย่างแน่นอน
***
เปล่งเสียง: เพลลิส โมลลิส
ผลของเวทมนตร์: เสกให้มีเบาะนุ่มไว้รองรับผู้ที่ตกจากที่สูง ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะไม่รู้เพราะว่ามันไม่นิยมใช้แล้วในปัจจุบัน
(เป็นคาถาที่ไรท์คิดเองอีกแล้วคับ;--;)
***
เอมอสที่เห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่เสกคาถาก็ตกใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ได้ดุเธอแต่อย่างใดเพราะว่าเธอทำในสิ่งที่ถูก เธอได้ช่วยเหลือซีกเกอร์มือ 1 ของโลกในตอนนี้ไว้แม้ว่าจะผิดกฎกระทรวงก็ตาม แต่เธอทำเพราะอยากจะช่วยเหลือคนผู้นั้น เมื่อเห็นว่านักบำบัดไม่มาสักทีเฮอร์ไมโอนี่ที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก็รีบเดินลงบันไดตรงไปที่บล็อกชั้น 1 ที่มีรัฐมนตรีนั่งอยู่ในทันที แต่ก็ถูกกันไว้ด้วยการ์ด
"ให้หนูช่วยเขาเถอะค่ะ"เฮอร์ไมโอนี่กล่าว ดูท่าแล้วฟัดจ์คงจะไม่เคยพบเธอถึงไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เขาดูมีท่าทีที่หมางเมินอย่างสิ้นเชิง เดรโกที่หันมาพบเธอเข้าก็ดูมีสีหน้าที่สงสัยจนลูเซียสผู้เป็นพ่อเขาจับสังเกตได้แล้วมองตามลูกชายมา เมื่อเขามองมาก็สบตาเข้ากับเธอ เขาดูแปลกใจที่เห็นเธอเช่นเดียวกับลูกชายของเขา
"หนูเฮอร์ไมโอนี่?"แม้ว่าเธอจะไม่ได้ยินที่เขาพูดแต่เธอก็อ่านจากปากเขาได้ว่าเขาพูดว่าอะไร
"ให้หนูได้ช่วยเขาเถอะนะคะ"เฮอร์ไมโอนี่กล่าวอีกครั้ง แต่ฟัดจ์ก็ยังคงมีท่าทีที่เฉยเมย และการ์ดข้างหน้าก็ยังคงกั้นไม่ให้เธอได้เข้าไป
"ให้เธอเข้ามาเถอะ"ลูเซียสกล่าวพร้อมกับลุกขึ้นเต็มความสูง เขามักจะใจดีกับเธอเสมอ เธอรู้ในข้อนี้ดี
"เข้ามา"เขากล่าว แล้วลุงลูเซียสก็เข้าไปพูดอะไรกับฟัดจ์สักเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
"หนูคือเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์เองหรอกเหรอ ขอโทษที่ฉันเสียมารยาทนะ ฉันเห็นพ่อและแม่ของหนูบอกจะไม่เข้าร่วมงานนี้ฉันก็นึกว่าหนูจะไม่มาด้วย"อ่าห๊ะ คนๆนี้เปลี่ยนสีเร็วจริงๆเมื่อเขารู้ว่าพ่อแม่เธอเป็นใคร
"ค่ะหนูเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ หนูขอลงไปดูเขาได้มั้ยคะ ไม่เห็นผู้บำบัดมาสักทีหนูกลัวว่าเขาจะมีอาการหนักกว่าเดิมน่ะค่ะ"ทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่พูดจบเขาก็อุทานว่าโอ้วแล้วยอมให้เธอไปแต่โดยดี ซึ่งทางลงไปก็มีเพียงแค่ขี่ไม้กวาดและหายตัว ลุงลูเซียสเลยอาสาให้เดรโกผู้ที่เป็นลูกชายขี่ไม้กวาดพาเธอลงไป ซึ่งเขาขี่บังคับไม้กวาดอย่างรวดเร็วเหมือนจงใจแกล้งเธอ แต่เธอก็ไม่มีเวลาในการต่อปากต่อคำกับเขามากนักหรอก เธอจึงเลือกที่จะข่มความรู้สึกไว้แล้วตรงไปที่วิคเตอร์ครัมที่ยังคงนอนอยู่บนเบาะที่เธอได้เสกไว้ก่อนหน้านี้
"เป็นเธอ! ฉันเห็นเธอเสกเบาะนี่เพื่อรองรับน้องเล็กของเรา"ผู้ชายผมสีทองสว่างหนึ่งในทีมชาติบัลแกเรียกล่าวขึ้นเมื่อเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่เดินเข้ามา
"เธอเป็นใครกัน ผู้บำบัดไม่น่าจะมีคนที่อายุน้อยขนาดนี้หรอกนะ"ผู้ชายผมดำกล่าวขึ้นพร้อมกับมองเธออย่างพิจารณาแล้วทำท่าเหมือนจะเดินมาขวาง
"เธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของผู้อำนวยการเซนต์มังโก เธอเป็นนักเรียนหญิงที่ฉลาดที่สุดในฮอกวอตส์ เธอสามารถรักษาได้สบายๆ"เสียงยานคางของเดรโกกล่าวพร้อมกับมายืนขวางเพื่อให้เฮอร์ไมโอนี่ได้ทำการรักษาครัมป์ได้ เป็นครั้งที่สองนับจากเรื่องที่เขาให้เธอเรียกเขาว่าเดรโก เขาทำให้เธอแปลกใจไม่น้อย แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ท้วงติงอะไรเพราะรู้ว่าเขานั้นอยากจะช่วยเธอ ส่วนสมาชิกทีมชาติบัลแกเรียที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยอมให้เธอได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้น้องเล็กของทีมอย่างวิคเตอร์ไป
"ห้ามขยับตัวนะคะ"เสียงเล็กๆกล่าวขึ้นพร้อมกับนั่งยองๆมองซีกเกอร์หนุ่มที่ถูกลูกบลัดเจอร์อัดแขนขวาเข้าเต็มแรง เมื่อครัมป์สบตาเข้ากับเจ้าของเสียงที่น่ารักนั่นก็พบกับคนที่ตัวเล็กที่เขาเพิ่งจะช่วยไม่ให้เธอล้มเมื่อช่วงบ่ายนั่นเอง ซึ่งมันเหมือนตลกร้ายเลยแฮะที่เขาช่วยเธอและเธอก็ได้ช่วยเขาไว้ วิคเตอร์แอบได้ยินที่พวกๆพี่ในทีมพูดว่าเธอเป็นคนเสกเจ้าเบาะนุ่มที่เขานอนอยู่ขึ้นมาก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย แต่เมื่อเขารู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของผู้อำนวยการเซนต์มังโกเขาก็ไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ เพราะพ่อของเธอนั้นเป็นคนที่มีความสามารถเป็นอย่างมาก เขาเป็นผู้บำบัดฝีมือดีที่สุดในโลกเวทมนตร์ในตอนนี้
"ปาปาแวเออร์"คนตัวเล็กชี้ไม้กายสิทธิ์ของตนไปยังแขนซ้ายของซีกเกอร์ที่ได้รับบาดเจ็บ วิคเตอร์ที่พยายามนอนนิ่งๆในตอนนี้รู้สึกถึงความชาที่คืบคลานเข้ามาช่วงแขนซ้ายของเขา เขาจึงรู้ว่าคาถาเมื่อครู่น่าจะเป็นคาถาที่ทำให้ผู้ถูกเสกนั้นมีอาการชาและไม่รู้สึกเจ็บ
***
เปล่งเสียง: ปาปาเวเออร์
ผลของเวทมนตร์: ทำให้ผู้ถูกเสกรู้สึกชาและไม่รู้สึกเจ็บ มักใช้สำหรับยับยั้งอาการเจ็บของผู้ที่ประสบอุบัติเหตุ หรือผู้ที่ยังไม่ได้เข้ารับการรักษาเบื้องต้น
(เป็นคาถาที่ไรท์คิดเองอีกแล้วคับ;--;)
***
"เฟอรูล่า"เมื่อใช้คาถาที่ทำให้เขาแขนชาแล้วหญิงสาวก็จัดการใช้คาถาสร้างผ้าพันแผลและเฝือกเพื่อดามแขนขวาที่เขาได้รับบาดเจ็บไว้ เธอสามารถปฐมพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มีเหล่านักบำบัดกรูกันเข้ามา เฮอร์ไมโอนี่ที่เห็นฉันนั้นก็เลือกที่จะถอดออกมา
***
เปล่งเสียง: เฟอรูล่า
ผลของเวทมนตร์: สร้างผ้าพันแผลและเฝือก
***
หมับ!
"ขอบคุณครับ"วิคเตอร์กล่าวขอบคุณด้วยใจจริง ถ้าหากไม่ได้เธอเขาคงจะต้องนอนทรมานอีกนานเป็นแน่ คนตัวเล็กที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มสดใสแล้วกล่าวว่าไม่เป็นไร เมื่อเขาเห็นรอยยิ้มที่แสนจะน่ารักของเธอเขาก็รู้สึกราวกับว่ามีผีเสื้อบินว่อนไปทั่วท้อง และหัวใจเต้นแรงเป็นอย่างมาก
ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อคนตัวเล็กก็เดินไปชายหัวซีดที่ทั้งตัวสวมสูดสีดำ ถ้าให้วิคเตอร์เดาชายคนนั้นคงจะเป็นหนึ่งในตระกูลมัลฟอย และน่าจะเป็นเดรโก มัลฟอย ลูกชายของลูเซียส มัลฟอย คนที่พ่อของเขามักจะทำธุรกิจด้วยบ่อยๆ วิคเตอร์ยังมองคนตัวเล็กที่ขึ้นไม้กวาดด้ามเดียวกับเดรโกแล้วรู้สึกโหวงแปลกๆ เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เมื่อเธอไปแล้วเขารู้สึกอยากที่จะเจอเธออีกครั้ง อย่างน้อยสักครั้งก็ยังดี วิคเตอร์จึงหวังได้เพียงให้เมอร์ลินยอมรับฟังคำขาของเขาเพียงสักครั้ง
To Be Continue..
Talk ; บอกเลยว่ากนนกยกยกย แต่งแบบงงๆ อยากแต่งก็แต่งเลย6555555555 เค้าแบบชอบคู่นี้แต่ไม่มีใครแต่งบ้างเลย ก็เลยหาแต่งเองสะเลย เรื่องนี้เค้าแต่งประมาณ 2-3 ตอนนะคะ ตอนแรกก้ว่าจะแต่งตอนเดียว แต่งไปแต่งมาไม่เข้าเนื้อเรื่องสักที655555555555 บ้าบอที่สุดเลยกรี๊ด
เรื่องนี้ยังแต่งไม่จบนะคะกรี้ดกรนหยไย แบบว่าเค้าแว๊บไปแต่งเรื่องอื่นลืมกลับมาต่อ545545555
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ขอให้เรียนออนไลน์แบบไม่ปวดหลังนะค้าบ (∩`-´) ⊃━━☆゚.*・。゚
Capture Chat Story