canvas
Upload to Server | Delete from Server
html
โดย

 

มัดหมี่ มธุริน ตั้งตระกูล

 

ยูทูปเบอร์ที่หายสาบสูญไปจากโลกออนไลน์ได้ปีกว่า ข้อมูลล่าสุดที่มีคือข่าวเดือดเลือดร้อนของเขากับอดีตแฟนหนุ่มโปรแกรมเมอร์ไฟแรง ทุกคนให้ความสนใจกับข่าวการถูกนอกใจของเขา และผู้ชายคนนั้นที่ถูกขุดวีรกรรมตั้งแต่เด็กยันปัจจุบัน

 

มธุริน – ผู้มีเสน่หา น่าหลงใหล น่าจับจ้อง เป็นชื่อที่ผู้เป็นมารดาตั้งให้ตอนลืมตาดูโลก เด็กชายมธุรินหรือมัดหมี่ เติบโตมาครอบครัวที่พร้อมจะมีบุตร พร้อมในเรื่องของทรัพยากร การดูแลเอาใจใส่ของพ่อแม่ ถือว่าเป็นเด็กที่เติบโตมาจากความรักเต็มที่

 

เมื่อเด็กชายอายุเจ็ดขวบ ตอนนั้นครอบครัวเรากำลังกลับจากเขาใหญ่ หลังจากเที่ยวกันมาทั้งวัน ภายในรถเปี่ยมไปด้วยความสุข เสียงหัวเราะ และการเล่าความประทับใจวันนี้ ทุกคนมีความสุขกันมาก

 

แต่แล้วเมื่อขับไปตามท้องถนนปกติ มีเสียงเบรคดังขึ้นมาจากทางขวามือของคนขับ ผู้เป็นพ่อหันไปมองตามเสียง เพ่งเล็งมองอย่างตั้งใจ เนื่องจากบริเวณนั้นมืดแทบไม่มีความสว่างจากเสาไฟข้างทาง มีรถกระบะข้ามเกาะมาใกล้ชนรถพวกเรา

 

เสียงร้องดังทั่วภายในรถ เด็กชายจับเข็มขัดนิรภัยไว้แน่น รถยนต์พวกเรากระเด็นกลิ้งขึ้นบนฟุตบาท ส่วนรถกระบะคันนั้นจอดสนิทตรงกลางเลน ชาวบ้านแห่ออกมาดูสถานการณ์ คนที่ขับตามมารีบจอดและลงมาดู บางคนโทรเรียกตำรวจกับกู้ภัยให้มาที่เกิดเหตุ

 

เมื่อตำรวจและกู้ภัยมาถึง ได้รับแจ้งเหตุรถชนประสานงานกัน ฝั่งคนขับรถกระบะเมาเหยียบเบรคไม่ทัน ส่วนฝั่งของรถยนต์พบผู้เสียชีวิตสองราย บาดเจ็บหนึ่งราย จากการสอบถามเด็กมีอาการตกใจ

 

ผ่านไปหลังจากจบพิธีไว้อาลัยส่งพ่อกับแม่ขึ้นไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ มธุรินย้ายรากฐานตัวเองมาอยู่กับญาติฝั่งแม่ คือป้าที่ตอนนี้มีลูกชายวัยห้าขวบกับสามีแคนนาดาของเธอ เขาอยู่จนจบ High school ตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่ไทยตัวคนเดียวอีกครั้ง

 

ไม่ใช่ว่าป้าละเลยในการเลี้ยงดูเขา ป้าเหมือนแม่อีกคนนึง แต่ตัวเขาเองที่ไม่อยากเป็นภาระใครเพิ่ม มธุรินเข้าใจหญิงสาวคนนี้ที่ต้องดูแลสามีและลูกชายตัวเอง ยังต้องมาคอยดูแลเขาอีก เขารู้สึกเกรงใจมาก

 

มธุรินในวัย 19 ปี — แบกสัมภาระกลับมาอยู่ประเทศบ้านเกิดอีกครั้ง วินาทีที่เหยียบประเทศไทย เขาอยากสูดหายใจให้เต็มปอด แต่กลิ่นที่เข้ามาเป็นฝุ่นควันจากอากาศและรถที่ขับผ่านไปมา

 

ชีวิตในมหาลัยเขาได้เจอเพื่อนใหม่ ทุกคนต่างสนใจเขาฐานะเด็กนอก ซึ่งเขายังจำภาษาไทยได้ เพราะอยู่ที่นู้นคุยกับป้าเป็นภาษาไทยค่อนข้างบ่อย จนวันนึงเขาได้บังเอิญเจอกับหนุ่มวิศวะคอมคนนึง

 

เราสบตากันที่โรงอาหารของมหาลัย และบังเอิญเจอกันอีกครั้งตอนอยู่ในร้านสะดวกซื้อ ชายคนนั้นเป็นคนทักเขาก่อนด้วยท่าทางยิ้มแย้มและสดใส เรายืนคุยกันจนไปถึงอีกฝ่ายขอแลกคอนแทคการติดต่อ เขาไม่ได้ปฏิเสธการให้เบอร์โทรกับคนแปลกหน้า

 

ลุค หนุ่มวิศวะคอมที่เข้ามาทำให้โลกของมธุรินเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หลังจากเราคุยกันได้ห้าเดือน ตัดสินใจลองคบหาดูใจกันอย่างจริงจัง โดยเปิดตัวบอกกับกลุ่มเพื่อนและครอบครัวตัวเอง

 

ความรักเราเต็มเปี่ยมไปด้วยความร่าเริง สดใส รอยยิ้มและความสุขที่มอบให้กัน ลุคเป็นคนเข้าใจเขามาก ๆ ในตอนนั้น เราย้ายมาอยู่ในเคหะสถานเดียวกัน จนเรียนจบเรายังคงอยู่ด้วยกันแบบเดิม ที่เดิมไม่เปลี่ยนเลย มธุรินเริ่มเปิดช่องยูทูปเป็นของตัวเอง

 

ส่วนลุคเข้าทำงานในบริษัทที่ตัวเขาฝันอยากร่วมงานด้วยมาตั้งแต่ขึ้นมหาลัย มธุรินคอยดันหลังคนรักในด้านการทำงานมาตลอด จนได้รู้จักกับแบร์ ในฐานะคนร่วมงานกัน แบร์เป็นผู้กำกับมาบอกว่าติดตามผลงานเขาอยู่ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจสำหรับเขา

 

ชีวิตคู่เราในวัย 25 — มันปกติที่แปลว่าไม่ได้มีอะไรหวือหวา ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่าเดิม ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เหมือนตอนแรกที่เราตัดสินใจคบกัน ความรักที่มธุรินมีให้คนรักยังคงมีปริมาณเท่าเดิม แต่เขากลับรู้สึกแปลก ๆ เมื่อมองภาพคนรักเดินกลับมาในห้องของเรา

 

เขาได้แต่ว่าคงเหนื่อยจากงาน เพราะเราต่างทำงานหนักกันทั้งคู่ ลุคเพิ่งได้รับมอบหมายให้ทำงานใหญ่ครั้งแรก และถ้าเขาทำได้มีสิทธิ์จะได้เลื่อนขั้น

 

ไม่มีบทสนทนาเมื่ออีกคนก้าวเข้ามาในห้อง มือสวยวางแก้วที่ใส่น้ำเย็น ๆ เตรียมไว้ให้คนรักพร้อมผลไม้ที่เขาชอบอยู่เหมือนเดิม ก่อนก้มไปหยิบเสื้อผ้าที่อีกคนถอดกองเอาไว้ใส่ตะกร้า รองเท้าที่ถอดเกะกะไม่ถูกเก็บเข้าชั้นที่เดิม เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นอีกครั้ง

 

“ลุค เราบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้เก็บรองเท้าด้วย”

 

“เราเหนื่อยเลยลืมเก็บไง เรื่องแค่นี้เอง”

 

มธุรินส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย แต่คนที่โดนบ่นกลับไม่ได้สนใจความรู้สึกเขาเลยสักนิด กลับนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟาอย่างนิ่งเฉย เขาถอนหายใจก่อนเดินเข้าไปในห้องนอน

 

ความเฉยชา และคำพูดที่รุนแรงของเราโผล่ออกมาเรื่อย ๆ พอเราอยู่ด้วยกันไปนาน ๆ นิสัยบางอย่างก็แสดงออกมาให้เห็นกับเนื้อตา วินาทีที่เห็นโพสต์ทวิตเตอร์ของผู้ใช้รายหนึ่งออกมาพูดเรื่องถูกหนุ่มหลอกฟันแล้วทิ้ง แถมยังมีการทำร้ายร่างกายก่อนจะเลิก

 

คนที่พูดถึง คือ ลุค — เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น คนที่เข้ามาใหม่แขวนผ้าเช็ดตัวไว้ที่ราวตากผ้า เดินมาทิ้งตัวลงนั่งพิงข้างเขาบนเตียง หากรู้หรือไม่ว่าเขากำลังจะเจอกับพายุลูกใหญ่กระหน่ำเข้า

 

“วันนี้ทำงานเป็นยังไงบ้าง”

 

“ดีเรื่อย ๆ ถามทำไม เงินหมดแล้วหรอ”

 

“เห็นเราเป็นคนหน้าเงินขนาดนั้นเลยหรอ”

 

“ถ้าบอกว่าใช่”

 

อีกฝ่ายทำหน้าลอยไปลอยมาอย่างไม่สนใจ ความขุ่นเคืองในใจมันมีอยู่ประมาณนึงแล้ว จู่ ๆ มันก็ลุกโชนขึ้นมา พร้อมสาดฟาดเหวี่ยงกับสิ่งตรงหน้า

 

“เธอไปทำมาป่ะ”

 

“ทำอะไร”

 

“แล้วในโพสต์นี้มันคือใคร เขาบอกเป็นเธอ”

 

เขาคว้ามือถือมาดูโพสต์อย่างละเอียด ความเงียบอึ้งเกิดขึ้น มธุรินยืนมองหน้าคนรักหวังฟังคำตอบจากใจจริง คนที่นั่งเงียบเงยหน้ามองเขาช้า ๆ

 

“มันไม่จริงเลยมัดหมี่”

 

“ไม่จริงแล้วทำไมเขาบอกว่าเป็นเธอ”

 

“เราไม่รู้ เราไม่ได้ทำ”

 

“เธอคิดว่าเราโง่มากหรอ เรารู้หมดแล้วเว้ย”

 

เสียงตะคอกกระแทกดังออกมา ตามมาด้วยเสียงร้องไห้จากความเสียใจ ก่อนหน้านี้มีคนส่งเรื่องนี้มาหาเขาหลายคนพร้อมบอกว่าคนในข่าวคือแฟนหนุ่มเขา ในตอนแรกเขาไม่อยากจะเชื่อข่าวปลอม ๆ ที่หลักฐานมันไม่ได้มีมากพอจะตีความ

 

จนเขาได้ถูกดักเจอกับหญิงสาวในข่าว เธอมาพร้อมกับพรรคพวกอีกสามคน มายืนดักรอเขาอยู่หน้าคอนโดช่วงดึก คนในกลุ่มสองคนจับเขาล็อคแขนลากไปที่มุมอับสายตาคนอื่นและกล้องวงจรปิด ร่างเล็กถูกตบไปหลายครั้งด้วยความโมโห

 

เขาถูกกล่าวหาว่าแอบเป็นชู้ของคนอื่น ทั้งที่ตามจริงเราคบกันมาก่อนหน้านี้ตั้งแต่สมัยเรียน กลุ่มหญิงสาวมาตามหาลุค เพราะเขาหายไปไม่ตอบข้อความ และจำได้ว่าพักอยู่ที่นี่ แต่ไม่คิดว่าจะเจอมธุรินด้วย

 

เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับสิ่งที่เขาทำลงไป เขาพยายามจะเข้าไปกอดแฟนหนุ่ม แต่กลับถูกผลักไสออกทันที

 

“เธอไม่รักเราก็บอกเลิกเลย จะทำแบบนี้ทำไม”

 

“มัดหมี่ ฟังเราก่อนนะ”

 

“เราอยากพอแล้วว่ะ ไม่ไหวแล้วจริง ๆ”

 

อีกคนพยายามยื้อเขาเอาไว้แต่ไม่เป็นผล สายแรกที่มัดหมี่นึกถึงคือแบร์ ไม่นานมากแบร์ขับรถมาหาทันที เห็นภาพเพื่อนตัวเองกำลังทะเลาะกับแฟนหนุ่มอยู่ จึงเข้าไปห้าม แต่ก็เกิดการต่อว่ากันอีกหน สุดท้ายแบร์เป็นคนพามัดหมี่ออกมาจากตรงนั้น 

 

หลังจากเราแยกย้าย ข่าวยังคงอยู่ในทวิตเตอร์ ทุกคนรุมประนามลุค ส่วนมัดหมี่ออกมาพูดเพียงแค่ว่าจบความสัมพันธ์ไปแล้ว และไม่ทราบเรื่องของหญิงสาวอีกฝ่ายมาก่อน คลิปในช่องยูทูปถูกลบออก เหลือเพียงคลิปเดี่ยว ๆ ของเขา

 

ชีวิตเขามธุรินกำลังดำเนินด้วยความปกติปนอยู่กับความเสียใจจากความรัก แต่แล้วปัญหาวนกลับเข้ามาหาเขาอีกครั้ง เมื่ออดีตแฟนหนุ่มอย่างเลย์กลับมาทวงอนาคตและความฝันตัวเองคืน

 

มึงเป็นคนทำร้ายชีวิตกู — คำนี้ดังก้องในหูของมัดหมี่มาตลอดหนึ่งปีกว่า ลุคยังคงตามหลอกหลอนเขาในความฝันและชีวิตจริง ถึงแม้อีกคนจะหายไปนานหลายเดือนแล้วก็ตาม แต่มัดหมี่ยังคงคิดเรื่องนี้ตลอด

 

ตอนที่แบร์แนะนำว่าให้มาพักผ่อนที่โฮมสเตย์แห่งหนึ่ง จังหวัดเชียงใหม่ เขาไม่ได้คาดหวังว่ามันจะดีขึ้น ขอแค่ได้พักความคิดจากเรื่องนั้นก่อน

 

พอมาอยู่จริง ๆ ทุกคนใจดีกับเขามาก เหมือนเรารู้จักกันมานาน แต่ความจริงเพิ่งเจอกันได้สองถึงสามวัน  การตื่นเช้ามาดูหมอกทำให้เห็นความสวยงามของธรรมชาติ เดินเล่นในสวนหน้าบ้านก็สนุกอีกแบบ รสชาติอาหารเหนืออร่อยเหนือความคาดหมาย

 

เสียงการแจ้งเตือนทำให้มัดหมี่หลุดออกจากภวังค์ ข้อความจากคนพี่ที่ชวนออกไปเดินเล่นด้านนอก ทำให้เขาคิดอยู่สักพักก่อนตอบตกลงไป

 

เดินลงมาด้านล่างเจอร่างสูงใหญ่กำลังยืนพิงประตูกระจกบ้าน ภูผามาในชุดลักษณะเดิม ๆ เสื้อกล้ามด้านในใส่เสื้อแจ็คเก็ตยีนต์ดำทับ และกางเกงยีนต์ขายาวสีน้ำเงิน

 

“พี่ผาครับ”

 

“ร้องไห้หรอ”

 

“เปล่าสักหน่อย”

 

มือขาวยกขึ้นปาดน้ำตาอย่างลวก ๆ และยิ้มออกมาบาง ๆ ทำเหมือนกับว่าตัวเขาไม่ได้เป็นอะไร ภูผาจ้องมองใบหน้าคนน้องอย่างกับกำลังจับผิดผู้ร้าย

 

“เดี๋ยวพี่พาไปเดินเล่นตรงนู้น ไปกัน”

 

ร่างเล็กเดินตามร่างสูงใหญ่ต้อย ๆ คนพี่ก้าวขาหนึ่งก้าวเท่ากับเขาก้าวสองก้าวเลย เราเดินจนมาถึงลานกว้าง ๆ ที่ห่างจากบ้านสิบห้าเมตร มัดหมี่ไม่เคยรู้ว่ามีตรงนี้ด้วย มันเต็มไปด้วยต้นไม้สูงและมีเก้าอี้ม้านั่งตั้งอยู่สองตัว เงียบสงบเหมาะแก่การพักใจ

 

“นั่งเลย มันไม่ล้มลงไปหรอก”

 

“เดินเข้ามาลึกอยู่เหมือนกันนะ”

 

เสียงลมพัดผสมกับเสียงของนกที่ร้องอยู่สักที่นึงในบริเวณนี้ เรานั่งกันอยู่สิบนาทีโดยไม่มีบทสนทนาอะไรเลย ภูผาปล่อยให้คนน้องซึมซับบรรยากาศธรรมชาติ เขาคิดว่าคงช่วยให้สบายใจมากขึ้น

 

“เป็นยังไงครับ”

 

“สบายมากครับ คิดว่าจะร้อนกว่านี้”

 

“พี่ชอบมานั่งเล่นที่นี่แหละ เวลาเหนื่อยจากงาน”

 

คนตัวเล็กมองหน้าคนพี่ที่นั่งมองวิวตรงหน้าพร้อมยิ้มมุมปาก ในใจกำลังคิดอยู่ว่าควรเล่าเรื่องตัวเองหรือป่าว เพราะตอนเราพิมพ์ข้อความหากัน มันเต็มไปด้วยความหนักอึ้งของมธุรินที่ไม่ยอมเล่าออกมา และคำปลอบใจจากภูผาช่วยให้สบายใจมากขึ้น

 

“ผมขอบคุณนะครับ”

 

“ครับ ทุกคนเศร้าได้อยู่แล้ว”

 

“ผมไม่ได้อยากเอาปัญหาไปให้ใครแก้”

 

“เก็บไว้คนเดียว ไม่คิดว่าเขาห่วงบ้างหรอ”

 

คนโตกว่าพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ไม่ได้แสดงสีหน้าและอารมณ์ออกมาให้เห็น เขาไม่ได้บังคับให้มธุรินเล่าให้เขาฟังทั้งหมด หากอยากเล่าก็เล่าเพียงส่วนที่เจ้าของเรื่องอยากเล่าและสบายใจที่จะเล่าก็พอ

 

“ผมโดนแฟนเก่าตามก็เลยต้องหนีมาพัก”

 

“ตอนนี้เขาก็ยังตามอยู่อีกหรอ”

 

“เขาหายไปได้หลายเดือนแล้วครับ”

 

“โคตรเหี้ยเลย”

 

ภูผาสบถคำหยาบออกมา กระพุ้งแก้มนูนออกมาตามเรียวลิ้นที่ดุน พร้อมอารมณ์ขุ่นมัว ฟังเรื่องราวในอดีตของน้องเขา ทำให้ยิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่ — ตัวแค่นี้กลับแบกรับปัญหาใหญ่เกินตัว

 

เมื่อมัดหมี่ว่าจบ เม้มปากแน่นมองหน้าผู้ฟังที่นั่งฟังเขามาตลอด ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เคยเห็นหน้าคนพี่จริงจังก็ตอนขึ้นไปไร่ชากับตอนนี้ เสียงถอนหายใจดังขึ้น

 

“แล้วเราจะยอมต่อไปทำไม”

 

“ผมไม่อยากมีปัญหากับเขา”

 

“ตอนนี้มันกำลังสร้างปัญหาให้เรานะ”

 

ภูผาพูดในน้ำเสียงจริงจังขึ้นจนคนน้องก้มหน้าเงียบไม่พูดตอบโต้อะไร สักพักเริ่มมีเสียงร้องไห้ดังออกมาจากคนที่นั่งก้มหน้า — ชิบหาย กูทำอะไรเนี่ย

 

มือใหญ่จับเชิดคาง พินิจมองหน้าอีกคน คราบหยาดน้ำตาความเสียใจทิ้งร่องรอยเอาไว้บนแก้ม เขาใช้หัวแม่มือเกลี่ยเม็ดน้ำสีใสออกจนหมดสองข้าง ปากเล็ก ๆ คว่ำเบะจนอดเอ็นดูไม่ได้

 

“พี่ขอโทษ”

 

“ฮึก.. ไม่เป็นไรครับ”

 

“ทุกคนเขาหวังดีกับมัดหมี่นะ อยากให้รักตัวเอง”

 

ใบหน้าเล็กพยักเข้าใจสิ่งที่เขาพูด พลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาอีกรอบอย่างไม่หยุด และกลับมาตั้งใจฟังคำพูดของคนพี่อีกหน

 

“บอกพี่หน่อยได้มั้ยว่าทำไมเราไม่สู้กลับ”

 

“ผมกลัวมันจะหนักขึ้นอีก เขาทำได้ทุกอย่าง”

 

“หมายถึงเขามีอำนาจเหนือกว่าหรอ”

 

“ครับ เขาจะไม่ยอม ถ้าเขาไม่ชนะ”

 

“แม่งเอ้ย.. คิดว่าตัวเองใหญ่คนเดียวหรอวะ”

 

อารมณ์ขุ่นเคืองตีขึ้นมาอีกครั้ง ภูผายกมือเสยผมตัวเองไปข้างหลังอย่างลวก ๆ และท้าวแขนลงกับพนักพิงเก้าอี้ไม้ ต่างจากอีกคนที่นั่งแกะจิกมือตัวเองด้วยความกังวล เขาสังเกตได้จึงคว้ามืออีกคนออกจากกัน

 

“มีอะไรที่พี่ช่วยได้ พี่อยากช่วย”

 

“ครับ?”

 

“พักใจอยู่ที่นี่ให้สบายเถอะ ไม่ต้องกังวล”

 

คนตัวขาวนั่งรับฟังเม้มปากแน่น ส่วนคนพูดมีน้ำเสียงที่หนักแน่น และดูมีความเป็นผู้ใหญ่คนนึงมากพอ จากที่สังเกตคนพี่มาตลอดตั้งแต่มา ภูผาเป็นคนใส่ใจ เห็นใจคนอื่น ชอบดูแล และใจดี

 

“ผมกลัวว่าตัวเองจะเป็นภาระ”

 

“มัดหมี่ไม่ใช่ภาระของพี่ อย่าคิดแบบนี้อีก”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 



TBC


#แดนภูผาjr

 

talk : ไอ้ผาหลานยาย เอ็งมันสุดยอดว่ะ

 

 

 

 


ถึงนักอ่านที่รัก
×

Capture Chat Story

แชร์
ทวีต Line it

ปักหมุด

[ชื่อคนเขียน] -
[วันที่สร้างคอมเม้น]
[ชื่อคนเขียน] -
[วันที่สร้างคอมเม้น]