บทที่ 3
เมื่อเราเดินเข้าไปในห้องเรียน สายตาหลายคู่ที่เต็มไปด้วยความสงสัยและหวาดหวั่นก็หันมาจ้องมองทันที
ฉันกระแอมเบา ๆ แล้วส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรที่สุดเท่าที่จะทำได้
“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นนักศึกษาสาขาวารสารศาสตร์กระจายเสียง และเป็นสมาชิกของสถานีโทรทัศน์ในมหาวิทยาลัย ส่วนคนนี้คือคู่หูของฉัน...”
เซเวียร์ก้าวขึ้นมาข้างหน้าแต่ยังไม่พูดอะไร ทำให้ฉันต้องพูดต่อเอง
“เขาจะเป็นคนจัดการไมโครโฟนและกล้องค่ะ เรียนอยู่สาขาดาราศาสตร์”
คำแนะนำตัวง่าย ๆ ของเราไม่ได้ผลตามที่คาดไว้ บางทีเรื่องของ "วอล์คเกอร์" อาจทำให้พวกเขาตกใจกลัวพอสมควร นักศึกษายังคงมองเราอย่างระมัดระวัง แต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
รองประธานนักศึกษา : “เจมี่ เอ่อ...”
ถุงเครื่องดื่มใบหนึ่งโผล่มาจากหลังประตู คนที่ถือมันดูเก้ ๆ กัง ๆ และพยายามส่งสัญญาณหลายครั้ง ฉันรับถุงนั้นมา รองประธานยิ้มเขิน ๆ ก่อนจะเดินเงียบ ๆ ไปนั่งที่ประตูด้านหลังของห้องเรียน
(เขาน่าจะเป็นคนเก็บตัวมาก การที่ต้องมาร่วมงานกับเราฐานะตัวแทนของมหาวิทยาลัยคงลำบากน่าดู)
เมื่อฉันและเซเวียร์มาช่วยแจกเครื่องดื่ม บรรยากาศตึงเครียดในห้องเริ่มคลายตัวลง ขณะที่ฉันพยายามคิดหาเรื่องมาเริ่มต้นบทสนทนา เซเวียร์ก็ดันศอกฉันเบา ๆ
“อ้อ จริงสิ ตอนเช้าพวกเราเจอกันข้างล่างใช่ไหม?”
“หืม?” ฉันงงจนได้แต่ครางในลำคอ
“ผมว่าผมน่าจะลืมเช็กชื่อเข้าเรียนวิชาตอนเช้า”
นักศึกษา ก : “คุณเรียนสาขาดาราศาสตร์นี่ คุณเรียนวิชาของอาจารย์ยูลีสเซสอยู่ใช่ไหม?”
ใช้เวลาสักพักกว่าฉันจะสังเกตได้ว่าน้ำเสียงจริงจังของเซเวียร์นั้นขัดกับแววตาที่ดูมีความหวังของเขา
ขณะที่ขยับเก้าอี้ ฉันก็โน้มตัวเข้าไปกระซิบใกล้หูของเซเวียร์
“รุ่นพี่เตรียมข้อมูลล่วงหน้ามาแล้วใช่ไหม?”
“ฉันแค่ลองถามดูเฉย ๆ ไม่คิดว่าจะมีใครตอบกลับ”
เซเวียร์นั่งหลังตรงขึ้น ยิ้ม และหันไปพูดกับนักศึกษาที่ตอบคำถามของเขาเมื่อครู่
“ใช่ครับ วิชาของเขายากมากจริง ๆ”
นักศึกษาคนนั้นดูผ่อนคลายลงเมื่อการสนทนาเริ่มไหลลื่นขึ้น
นักศึกษา ก : “ใช่เลย! ถ้าพูดถึงอาจารย์ที่เข้มงวดที่สุดในมหาวิทยาลัยเพรสทารา ไม่มีใครเกินอาจารย์ยูลีสเซส”
นักศึกษา ก : “แต่มันก็ไม่ได้แย่นะครับ ในชั้นเรียนเขาอาจจะเข้มงวดมาก แต่หลังเลิกเรียนตอนที่เขาอยู่ในสนามบาสเกตบอล เขาก็ใจดีอยู่นะ”
นักศึกษา ก : “จริง ๆ ผมพลาดเข้าร่วมประชุมกับเขาครั้งหนึ่งเพราะเรื่องวอล์คเกอร์ ขอบคุณที่ช่วยเตือนนะ ผมต้องรีบไปคุยกับเขาทีหลัง”
“ยินดีครับ”
เซเวียร์ปรับท่านั่งและส่งสายตาสื่อบางอย่างมาทางฉัน เมื่อเห็นสัญญาณนั้น ฉันจึงค่อย ๆ เปิดเครื่องบันทึกเสียงอย่างเงียบ ๆ และเริ่มถามคำถาม
“นอกจากพลาดประชุมกับอาจารย์ คุณช่วยเล่าให้เราฟังเพิ่มเติมหน่อยได้ไหมคะว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากเหตุการณ์นั้น?”
ฉันพูดต่อ “คุณพูดได้เต็มที่เลยนะคะ ไม่ต้องห่วง เราจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวแน่นอน”
นักศึกษาหันมองหน้ากัน พวกเขาดูเหมือนตัดสินใจได้ที่จะพูด
นักศึกษา ก : “งั้นผมจะเล่าก่อนแล้วกัน”
ฉันไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ดูเหมือนสายตาของเขาจะว่างเปล่าไปชั่วครู่หลังพูดจบ
วันที่ 2 ในห้องบรรยาย
“เธอกำลังทำอะไรอยู่?”
“ชู่ว์... พวกเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อฟังบรรยายจริง ๆ แต่ในเมื่อมาถึงแล้วก็ต้องทำให้เนียนหน่อย”
ฉันวางตำราเรียนที่เปิดไว้ตรงกลางโต๊ะ จัดสมุดจดกับปากกาให้อยู่เป็นระเบียบ และวางขวดน้ำไว้ข้าง ๆ
“โต๊ะของเธอเรียบร้อยดีจริง ๆ อีกไม่นานอาจารย์ต้องสังเกตเห็นแน่ ๆ”
จากคำบอกเล่าของนักศึกษา เหตุการณ์เกิดขึ้นนอกห้องเรียนตอนที่เขากำลังจะไปประชุมกับอาจารย์ ฉันจึงตัดสินใจคุยกับอาจารย์คนนี้เพื่อดูว่าจะได้ข้อมูลใหม่ไหม
ดังนั้น ฉันจึงลากเซเวียร์มาด้วยในวันถัดมา และเราก็แอบเข้ามานั่งในห้องบรรยายด้วยกัน
“ใช่เลย เป็นการปลอมตัวที่สมบูรณ์แบบ” เขาเอ่ย “แล้ววิธีที่เธอรีบจองที่นั่งแถวหลังสุดก็เนียนมาก”
“แถวหลังสุดคือโซน VVVIP วิวดี บรรยากาศดี เหมาะกับการพักผ่อน ความบันเทิง หรือแม้กระทั่ง...”
เมื่อเห็นนักศึกษาคู่หนึ่งแอบจับมือกันใต้โต๊ะ ฉันเปลี่ยนเรื่องอย่างแนบเนียน
“ตอนที่นายยังเรียนอยู่ นายชอบนั่งตรงไหนเหรอ?”
“ก็ไม่มีที่ประจำนะ แต่ส่วนใหญ่นั่งแถวหลัง” เขายิ้ม “แดดอุ่นดี แถมลมก็เย็นสบาย”
“โต๊ะกับเก้าอี้ล่ะ นั่งสบายไหม?”
“...ก็โอเค” เขาตอบ
ในขณะที่บทสนทนาเบา ๆ ดำเนินไป ฉันก็พลิกสมุดจดแล้วกลับมาให้ความสนใจกับภารกิจอีกครั้ง
ถึงแม้จะได้รายละเอียดมากมายจากการคุยกับนักศึกษาที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อวาน แต่เราก็ยังไม่เจออะไรที่ชัดเจน
ฉัน : “นักศึกษา 5 คนนั้นเป็นทั้งคนธรรมดาและผู้มีพลังพิเศษ”
ฉัน : “พวกเขาเจอวอล์คเกอร์ในที่ต่าง ๆ บ้างก็อยู่บนทางเดินใต้ร่มไม้ บ้างก็อยู่ในห้องแล็บ และพวกเขาก็ตื่นมาในสถานที่ต่างกันหลังจากนั้น”
ฉัน : “วอล์คเกอร์ดูเหมือนจะไม่ได้จำกัดพื้นที่ในร่มหรือกลางแจ้ง ไม่มีรูปแบบชัดเจนว่ามันจะปรากฏที่ไหน”
“แต่มันก็ไม่ได้สุ่มทั้งหมดหรอก” เซเวียร์หยิบปากกาจากฉันแล้ววาดวงกลมไม่กี่วงในสมุดจด “ทุกเหตุการณ์เกิดขึ้นตอนกลางคืน ถ้ามันเชื่อมโยงกับพฤติกรรมของวอล์คเกอร์ เราก็อาจจำกัดการค้นหาได้”
เขาพูดต่อ “อีกอย่าง นักศึกษาเหล่านี้เพิ่งเข้าเรียนปีแรกกันทั้งหมด”
“นั่นหมายถึงอะไรเหรอ?”
“...บางทีวอล์คเกอร์อาจมองว่าปีหนึ่งเป็นเป้าหมายที่ง่าย”
“ถ้าเป็นแบบนั้น มันต้องเข้าถึงระบบลงทะเบียนของมหาวิทยาลัยแน่ ๆ” ฉันพลิกหน้าสมุดจดไปมา แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ “ดูเหมือนว่าวอล์คเกอร์จะเลือกนักศึกษาแบบสุ่ม ฉันไม่เชื่อว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ”
“ในโลกนี้ บ่อยครั้งที่เรื่องบังเอิญมักเป็นส่วนหนึ่งของแผนการใหญ่” เขากล่าว “คนพวกนี้ถูกเลือกด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง เราแค่ยังหาคำตอบไม่เจอ”
“วอล์คเกอร์บางตัวก็มีเป้าหมายบุคคลเฉพาะ อย่างเช่น—”
“คุณ! ที่อยู่ตรงนั้นน่ะ”
ฉันเงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อได้ยินความเงียบที่ปกคลุมรอบตัว ก่อนจะมองไปที่อาจารย์ยูลีสเซสที่กำลังยืนยิ้มอยู่บนโพเดียม
“ใช่ครับ ผมหมายถึงคุณ นักศึกษาผู้หญิงที่นั่งแถวหลังสุดนั่นแหละ”
อาจารย์ยูลีสเซสพูดขณะมองมาที่ฉัน “เชิญออกมาข้างหน้าแล้วอธิบายให้เพื่อน ๆ ฟังหน่อยสิว่า 'รูหนอนมอร์ริส-ธอร์น' คืออะไร”
บทที่ 4
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าฉันจะโดนจับได้ว่าแอบคุยในห้องเรียน ฉันยืนอึ้งอยู่พักหนึ่งเพราะไม่รู้จะตอบยังไงดี
“ไม่ได้เหรอ? ถ้าอย่างนั้นให้เพื่อนของคุณลองแทนแล้วกัน เชิญครับ”
เมื่อเห็นว่าเซเวียร์ยังคงเงียบไม่ส่งเสียงใดออกมา ฉันจึงดึงรีบเสื้อเซเวียร์พร้อมกระซิบเบา ๆ
“ให้ฉันลองเองเถอะ ถ้าผิดพลาดอะไรไป ฉันก็แค่ขอโทษเอา”
เซเวียร์บีบมือฉันเบาๆ อย่างให้กำลังใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินอย่างมั่นใจไปยังโพเดียม
ไฟในห้องเรียนค่อยๆ หรี่ลง ก่อนที่ภาพโฮโลกราฟิกจะปรากฏขึ้นจากปลายนิ้วของเขา ซึ่งเป็นภาพของจักรวาล
เซเวียร์ : “ตามทฤษฎีแล้ว รูหนอนมอริส-ธอร์นเป็นรูหนอนที่สามารถเดินทางผ่านได้”
เซเวียร์ : “มันมีความสมมาตรในเชิงทรงกลม และมี ‘คอหอย’ ที่เชื่อมโยงหลุมดำสองแห่งเข้าด้วยกัน”
เซเวียร์ : “ ‘คอหอย’ นี้เป็นบริเวณทรงกลมจำกัดที่มีความหนาแน่นของพลังงานเชิงลบ เพื่อหักล้างแรงโน้มถ่วงภายในรูหนอน...”
ขณะที่เซเวียร์อธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงดาวในภาพเคลื่อนไหวภายใต้การควบคุมของเขา ค่อยๆ ก่อตัวเป็นแบบจำลองรูหนอน
แสงจากดาวเคราะห์ที่อยู่ไกลโพ้นกะพริบอยู่ตรงหน้าเรา เงาของเซเวียร์ดูราวกับทอดยาวข้ามปีแสง
ชั่วขณะหนึ่ง ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่า... เซเวียร์เคยเป็นแบบนี้ตอนเรียนมหาวิทยาลัยหรือเปล่านะ?
“ถูกต้อง พลังงานเชิงลบมีคุณสมบัติผลักดันแรงโน้มถ่วง ทำให้คอหอยของรูหนอนยังคงเปิดอยู่ และสิ่งของหรือสัญญาณสามารถเดินทางผ่านได้” อาจารย์ยูลีสเซสกล่าวต่อ
“ในโมเดลนี้ การเดินทางข้ามเวลาก็อาจเป็นไปได้”
“ตัวอย่างเช่น อุโมงค์ดีปสเปซเหนือพวกเรา อาจเป็นรูหนอนขนาดยักษ์”
“สัญญาณลึกลับจากดีปสเปซ อาจเดินทางมาถึงโลกที่อยู่ห่างไกลของเราได้”
“หรือไม่ก็อาจเป็นวัสดุบางอย่าง หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่น ที่ค้นพบเราได้ผ่านช่องทางจักรวาลนี้...”
“เธอคิดอะไรอยู่เหรอ?” เขาเอ่ยถาม
ฉันหลุดออกจากภวังค์ เซเวียร์ที่เหมือนข้ามผ่านความเวิ้งว้างของดวงดาวมายืนอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว
เขากลับมาอยู่ใกล้แค่เอื้อมอีกครั้ง
“...ฉันสงสัยน่ะ รุ่นพี่เป็นบัณฑิตดาราศาสตร์จริงๆ เหรอ?”
“ใครจะรู้ล่ะ ที่บ้านฉันมีใบปริญญาเยอะไปหมด ต้องลองไปเช็กดูก่อน”
“...?”
เสียงกริ่งดังขึ้นบอกเวลาเลิกคลาส ห้องเรียนที่แน่นขนัดเมื่อครู่กลับว่างเปล่าในทันที
ขณะที่อาจารย์เริ่มเก็บของ ฉันก็เดินเข้าไปหาเขา ตั้งใจจะถามถึงนักศึกษาที่ถูกโจมตี
อาจารย์อูลิสซีส : “เซเวียร์ คุณเป็นฮันเตอร์ดีปสเปซมานานขนาดนี้แล้ว ยังอยากย้อนอดีตไปใช้ชีวิตนักศึกษาอีกเหรอ?”
“...?”
อาจารย์เดินลงมาจากโพเดียม มือข้างหนึ่งถือกระเป๋า ส่วนอีกข้างล้วงกระเป๋ากางเกง ท่าทีเคร่งขรึมของเขาหายไป
“สวัสดี คุณเป็นฮันเตอร์ดีปสเปซด้วยหรือเปล่า? หรือว่าเป็นเพื่อนร่วมงานของเขา?”
“...นี่คืออูลิสซีสเพื่อนเก่าของฉันเอง ตอนนี้เขาเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์”
“...ผมได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองศาสตราจารย์เมื่อสองปีที่แล้ว”
“ยินดีด้วย”
“ขอบคุณ”
ครั้งก่อนเป็นเจเรไมอาห์คนขายดอกไม้ผู้ลึกลับ และตอนนี้ก็มาเจอกับอาจารย์ฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยอีก
ฉันรู้สึกตะลึงอีกครั้ง ว่าสังคมของเซเวียร์ช่างคาดเดาไม่ได้เลยจริงๆ
“เข้าเรื่องเลยดีกว่า คุณไม่ใช่คนที่จะมาที่นี่โดยไม่มีเหตุผลนี่ เกิดอะไรขึ้นที่มหาวิทยาลัยเหรอ?”
“ฉันมาทำภารกิจน่ะ”
“ถ้าคุณเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง เรื่องนี้คงไม่ใช่ภารกิจธรรมดา” เขาหยุดคิดก่อนจะพูดต่อ “...ผมควรคาดหวังว่าจะมีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นหรือเปล่า?”
(ดูเหมือนฉันจะไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนี้เกี่ยวกับเซเวียร์...แต่ก็ดีที่ทำให้ฉันมีจังหวะเหมาะ ๆ ถามเรื่อง ‘วอนเดอเรอร์’)
“ดร.อูลิสซีส เราได้ยินมาว่านักศึกษาคนหนึ่งของคุณถูกวอนเดอเรอร์โจมตีและหายไปหลายวัน คุณอยู่ในพื้นที่ตอนเกิดเหตุหรือเปล่าคะ?”
อูลิสซีสหยุดคิดสักครู่ก่อนจะพยักหน้า
“ผมอยู่ในห้องแล็บ กำลังเตรียมการประชุมอยู่ตอนที่ได้ยินเสียงกรีดร้องจากนอกห้อง แต่พอผมออกไปดูรอบ ๆก็ไม่เจออะไร”
“ผมมารู้ทีหลังว่านักศึกษาคนหนึ่งถูกวอนเดอเรอร์โจมตี โชคดีที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง”
ดูเหมือนอูลิสซีสจะไม่ได้เห็นวอนเดอเรอร์ นั่นจึงทำให้ฉันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“ตัวปรับค่าความเสถียรฟลักซ์ในแล็บมีปฏิกิริยาบ้างไหม?”
“ไม่มีนะ”
ฉันเข้าใจทันทีว่าเซเวียร์กำลังชี้อะไร ถ้าตัวปรับค่าความเสถียรฟลักซ์ไม่ทำงาน นั่นหมายความว่าค่าเมตาฟลักซ์ของวอนเดอเรอร์ต้องต่ำกว่า 50
วอนเดอเรอร์ที่สามารถซ่อนตัวได้ถึงขนาดนี้มีอยู่ไม่มาก เราจึงสามารถจำกัดการค้นหาให้แคบลงได้
“มันยังเป็นไปได้ที่เรากำลังเจอกับวอนเดอเรอร์ที่ถูกดัดแปลง”
เหมือนเขาอ่านใจฉันออก เซเวียร์พูดเสริมขึ้นมาอีก ฉันจึงพยักหน้ารับ
“เข้าใจแล้ว ฉันจะให้แอนดรูว์เปรียบเทียบข้อมูลโปรโตเคิร์ฟกับรายละเอียดของวอนเดอเรอร์ที่เป็นไปได้”
“เดี๋ยวก่อน... ผมพึ่งนึกอะไรออก ตัวปรับค่าความเสถียรฟลักซ์อาจไม่สามารถตรวจจับค่าฟลักซ์ระดับนั้นได้ แต่ RMFMA ของศูนย์วิจัยอาจตรวจจับได้”
“RMFMA?”
“แต่ศูนย์วิจัยไม่ได้อยู่ใกล้ที่นี่เลย...”
“มันถูกย้ายมาอยู่ที่วิทยาเขตเมื่อต้นปีนี้ ดังนั้น ตอนนี้มันไม่ได้ไกลขนาดนั้นแล้ว มันน่าจะบันทึกค่าฟลักซ์เมตาและช่วงไดนามิกได้ตอนที่วอนเดอเรอร์ปรากฏตัว”
“งั้น เราใช้อุปกรณ์นั้นได้ไหมคะ?”
“RMFMA ย่อมาจาก Reflective Metaflux Field Monitor and Analyzer” เซเวียร์กล่าว
แม้ในใจจะเกิดความลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ฉันก็พยายามสลัดมันออกไปและรอให้อูลิสซีสตอบ
“ได้ ตราบใดที่คุณมีสิทธิ์ใช้งานมันและเข้าถึงระบบ คุณก็ใช้มันได้”
(แต่เราดูไม่ค่อยมีคุณสมบัติตรงนั้นเลย...)
“ไปกันเถอะ”
“หา?”
เซเวียร์หยิบกระเป๋าสะพายของฉันขึ้นมาแล้วหันไปทางอูลิสซีส
“คุณจะไม่พาเราไปหน่อยเหรอ?”
...........
Capture Chat Story
“มาเป็นคนแรกที่โดเนทให้กำลังใจนักเขียนกันเถอะ”

โดเนทสูงสุดของเรื่อง แปลเกม | Love and Deepspace (EN > TH) | ||||
---|---|---|---|---|
![]() 100.00 ![]() | ![]() 100.00 ![]() | ![]() 50.00 ![]() | ![]() 50.00 ![]() |
โดเนทสูงสุดของ ตอนย่อยนี้ | ||||
---|---|---|---|---|
![]() มาโดเนทกัน | ![]() มาโดเนทกัน | ![]() มาโดเนทกัน | ![]() มาโดเนทกัน | ![]() มาโดเนทกัน |