canvas
Upload to Server | Delete from Server
html
โดย
Xavier: Voyage of the Outcast (03, 04)
โดย : Jemie


บทที่ 3

 

เมื่อเราเดินเข้าไปในห้องเรียน สายตาหลายคู่ที่เต็มไปด้วยความสงสัยและหวาดหวั่นก็หันมาจ้องมองทันที

ฉันกระแอมเบา ๆ แล้วส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรที่สุดเท่าที่จะทำได้

“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นนักศึกษาสาขาวารสารศาสตร์กระจายเสียง และเป็นสมาชิกของสถานีโทรทัศน์ในมหาวิทยาลัย ส่วนคนนี้คือคู่หูของฉัน...”

เซเวียร์ก้าวขึ้นมาข้างหน้าแต่ยังไม่พูดอะไร ทำให้ฉันต้องพูดต่อเอง

“เขาจะเป็นคนจัดการไมโครโฟนและกล้องค่ะ เรียนอยู่สาขาดาราศาสตร์”

คำแนะนำตัวง่าย ๆ ของเราไม่ได้ผลตามที่คาดไว้ บางทีเรื่องของ "วอล์คเกอร์" อาจทำให้พวกเขาตกใจกลัวพอสมควร นักศึกษายังคงมองเราอย่างระมัดระวัง แต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

 

รองประธานนักศึกษา : “เจมี่ เอ่อ...”

ถุงเครื่องดื่มใบหนึ่งโผล่มาจากหลังประตู คนที่ถือมันดูเก้ ๆ กัง ๆ และพยายามส่งสัญญาณหลายครั้ง ฉันรับถุงนั้นมา รองประธานยิ้มเขิน ๆ ก่อนจะเดินเงียบ ๆ ไปนั่งที่ประตูด้านหลังของห้องเรียน

(เขาน่าจะเป็นคนเก็บตัวมาก การที่ต้องมาร่วมงานกับเราฐานะตัวแทนของมหาวิทยาลัยคงลำบากน่าดู)

เมื่อฉันและเซเวียร์มาช่วยแจกเครื่องดื่ม บรรยากาศตึงเครียดในห้องเริ่มคลายตัวลง ขณะที่ฉันพยายามคิดหาเรื่องมาเริ่มต้นบทสนทนา เซเวียร์ก็ดันศอกฉันเบา ๆ

“อ้อ จริงสิ ตอนเช้าพวกเราเจอกันข้างล่างใช่ไหม?”

“หืม?” ฉันงงจนได้แต่ครางในลำคอ

“ผมว่าผมน่าจะลืมเช็กชื่อเข้าเรียนวิชาตอนเช้า”

นักศึกษา ก : “คุณเรียนสาขาดาราศาสตร์นี่ คุณเรียนวิชาของอาจารย์ยูลีสเซสอยู่ใช่ไหม?”

ใช้เวลาสักพักกว่าฉันจะสังเกตได้ว่าน้ำเสียงจริงจังของเซเวียร์นั้นขัดกับแววตาที่ดูมีความหวังของเขา

 

ขณะที่ขยับเก้าอี้ ฉันก็โน้มตัวเข้าไปกระซิบใกล้หูของเซเวียร์

“รุ่นพี่เตรียมข้อมูลล่วงหน้ามาแล้วใช่ไหม?”

“ฉันแค่ลองถามดูเฉย ๆ ไม่คิดว่าจะมีใครตอบกลับ”

เซเวียร์นั่งหลังตรงขึ้น ยิ้ม และหันไปพูดกับนักศึกษาที่ตอบคำถามของเขาเมื่อครู่

 

“ใช่ครับ วิชาของเขายากมากจริง ๆ”

นักศึกษาคนนั้นดูผ่อนคลายลงเมื่อการสนทนาเริ่มไหลลื่นขึ้น

นักศึกษา ก : “ใช่เลย! ถ้าพูดถึงอาจารย์ที่เข้มงวดที่สุดในมหาวิทยาลัยเพรสทารา ไม่มีใครเกินอาจารย์ยูลีสเซส”

นักศึกษา ก : “แต่มันก็ไม่ได้แย่นะครับ ในชั้นเรียนเขาอาจจะเข้มงวดมาก แต่หลังเลิกเรียนตอนที่เขาอยู่ในสนามบาสเกตบอล เขาก็ใจดีอยู่นะ”

นักศึกษา ก : “จริง ๆ ผมพลาดเข้าร่วมประชุมกับเขาครั้งหนึ่งเพราะเรื่องวอล์คเกอร์ ขอบคุณที่ช่วยเตือนนะ ผมต้องรีบไปคุยกับเขาทีหลัง”

 

“ยินดีครับ”

 

เซเวียร์ปรับท่านั่งและส่งสายตาสื่อบางอย่างมาทางฉัน เมื่อเห็นสัญญาณนั้น ฉันจึงค่อย ๆ เปิดเครื่องบันทึกเสียงอย่างเงียบ ๆ และเริ่มถามคำถาม

“นอกจากพลาดประชุมกับอาจารย์ คุณช่วยเล่าให้เราฟังเพิ่มเติมหน่อยได้ไหมคะว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากเหตุการณ์นั้น?”

ฉันพูดต่อ “คุณพูดได้เต็มที่เลยนะคะ ไม่ต้องห่วง เราจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวแน่นอน”

นักศึกษาหันมองหน้ากัน พวกเขาดูเหมือนตัดสินใจได้ที่จะพูด

นักศึกษา ก : “งั้นผมจะเล่าก่อนแล้วกัน”

ฉันไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ดูเหมือนสายตาของเขาจะว่างเปล่าไปชั่วครู่หลังพูดจบ

 

วันที่ 2 ในห้องบรรยาย

“เธอกำลังทำอะไรอยู่?”

“ชู่ว์... พวกเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อฟังบรรยายจริง ๆ แต่ในเมื่อมาถึงแล้วก็ต้องทำให้เนียนหน่อย”

ฉันวางตำราเรียนที่เปิดไว้ตรงกลางโต๊ะ จัดสมุดจดกับปากกาให้อยู่เป็นระเบียบ และวางขวดน้ำไว้ข้าง ๆ

“โต๊ะของเธอเรียบร้อยดีจริง ๆ อีกไม่นานอาจารย์ต้องสังเกตเห็นแน่ ๆ”

จากคำบอกเล่าของนักศึกษา เหตุการณ์เกิดขึ้นนอกห้องเรียนตอนที่เขากำลังจะไปประชุมกับอาจารย์ ฉันจึงตัดสินใจคุยกับอาจารย์คนนี้เพื่อดูว่าจะได้ข้อมูลใหม่ไหม

 

ดังนั้น ฉันจึงลากเซเวียร์มาด้วยในวันถัดมา และเราก็แอบเข้ามานั่งในห้องบรรยายด้วยกัน

“ใช่เลย เป็นการปลอมตัวที่สมบูรณ์แบบ” เขาเอ่ย “แล้ววิธีที่เธอรีบจองที่นั่งแถวหลังสุดก็เนียนมาก”

“แถวหลังสุดคือโซน VVVIP วิวดี บรรยากาศดี เหมาะกับการพักผ่อน ความบันเทิง หรือแม้กระทั่ง...”

เมื่อเห็นนักศึกษาคู่หนึ่งแอบจับมือกันใต้โต๊ะ ฉันเปลี่ยนเรื่องอย่างแนบเนียน

“ตอนที่นายยังเรียนอยู่ นายชอบนั่งตรงไหนเหรอ?”

“ก็ไม่มีที่ประจำนะ แต่ส่วนใหญ่นั่งแถวหลัง” เขายิ้ม “แดดอุ่นดี แถมลมก็เย็นสบาย”

“โต๊ะกับเก้าอี้ล่ะ นั่งสบายไหม?”

“...ก็โอเค” เขาตอบ

ในขณะที่บทสนทนาเบา ๆ ดำเนินไป ฉันก็พลิกสมุดจดแล้วกลับมาให้ความสนใจกับภารกิจอีกครั้ง

 

ถึงแม้จะได้รายละเอียดมากมายจากการคุยกับนักศึกษาที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อวาน แต่เราก็ยังไม่เจออะไรที่ชัดเจน

ฉัน : “นักศึกษา 5 คนนั้นเป็นทั้งคนธรรมดาและผู้มีพลังพิเศษ”

ฉัน : “พวกเขาเจอวอล์คเกอร์ในที่ต่าง ๆ บ้างก็อยู่บนทางเดินใต้ร่มไม้ บ้างก็อยู่ในห้องแล็บ และพวกเขาก็ตื่นมาในสถานที่ต่างกันหลังจากนั้น”

ฉัน : “วอล์คเกอร์ดูเหมือนจะไม่ได้จำกัดพื้นที่ในร่มหรือกลางแจ้ง ไม่มีรูปแบบชัดเจนว่ามันจะปรากฏที่ไหน”

“แต่มันก็ไม่ได้สุ่มทั้งหมดหรอก” เซเวียร์หยิบปากกาจากฉันแล้ววาดวงกลมไม่กี่วงในสมุดจด “ทุกเหตุการณ์เกิดขึ้นตอนกลางคืน ถ้ามันเชื่อมโยงกับพฤติกรรมของวอล์คเกอร์ เราก็อาจจำกัดการค้นหาได้”

เขาพูดต่อ “อีกอย่าง นักศึกษาเหล่านี้เพิ่งเข้าเรียนปีแรกกันทั้งหมด”

“นั่นหมายถึงอะไรเหรอ?”

“...บางทีวอล์คเกอร์อาจมองว่าปีหนึ่งเป็นเป้าหมายที่ง่าย”

“ถ้าเป็นแบบนั้น มันต้องเข้าถึงระบบลงทะเบียนของมหาวิทยาลัยแน่ ๆ” ฉันพลิกหน้าสมุดจดไปมา แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ “ดูเหมือนว่าวอล์คเกอร์จะเลือกนักศึกษาแบบสุ่ม ฉันไม่เชื่อว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ”

“ในโลกนี้ บ่อยครั้งที่เรื่องบังเอิญมักเป็นส่วนหนึ่งของแผนการใหญ่” เขากล่าว “คนพวกนี้ถูกเลือกด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง เราแค่ยังหาคำตอบไม่เจอ”

“วอล์คเกอร์บางตัวก็มีเป้าหมายบุคคลเฉพาะ อย่างเช่น—”

 

“คุณ! ที่อยู่ตรงนั้นน่ะ”

ฉันเงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อได้ยินความเงียบที่ปกคลุมรอบตัว ก่อนจะมองไปที่อาจารย์ยูลีสเซสที่กำลังยืนยิ้มอยู่บนโพเดียม

“ใช่ครับ ผมหมายถึงคุณ นักศึกษาผู้หญิงที่นั่งแถวหลังสุดนั่นแหละ”

อาจารย์ยูลีสเซสพูดขณะมองมาที่ฉัน “เชิญออกมาข้างหน้าแล้วอธิบายให้เพื่อน ๆ ฟังหน่อยสิว่า 'รูหนอนมอร์ริส-ธอร์น' คืออะไร”

 


 

บทที่ 4

 

ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าฉันจะโดนจับได้ว่าแอบคุยในห้องเรียน ฉันยืนอึ้งอยู่พักหนึ่งเพราะไม่รู้จะตอบยังไงดี

“ไม่ได้เหรอ? ถ้าอย่างนั้นให้เพื่อนของคุณลองแทนแล้วกัน เชิญครับ”

เมื่อเห็นว่าเซเวียร์ยังคงเงียบไม่ส่งเสียงใดออกมา ฉันจึงดึงรีบเสื้อเซเวียร์พร้อมกระซิบเบา ๆ

 

“ให้ฉันลองเองเถอะ ถ้าผิดพลาดอะไรไป ฉันก็แค่ขอโทษเอา”

เซเวียร์บีบมือฉันเบาๆ อย่างให้กำลังใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินอย่างมั่นใจไปยังโพเดียม

ไฟในห้องเรียนค่อยๆ หรี่ลง ก่อนที่ภาพโฮโลกราฟิกจะปรากฏขึ้นจากปลายนิ้วของเขา ซึ่งเป็นภาพของจักรวาล

เซเวียร์ : “ตามทฤษฎีแล้ว รูหนอนมอริส-ธอร์นเป็นรูหนอนที่สามารถเดินทางผ่านได้”

เซเวียร์ : “มันมีความสมมาตรในเชิงทรงกลม และมี ‘คอหอย’ ที่เชื่อมโยงหลุมดำสองแห่งเข้าด้วยกัน”

เซเวียร์ : “ ‘คอหอย’ นี้เป็นบริเวณทรงกลมจำกัดที่มีความหนาแน่นของพลังงานเชิงลบ เพื่อหักล้างแรงโน้มถ่วงภายในรูหนอน...”

ขณะที่เซเวียร์อธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงดาวในภาพเคลื่อนไหวภายใต้การควบคุมของเขา ค่อยๆ ก่อตัวเป็นแบบจำลองรูหนอน

แสงจากดาวเคราะห์ที่อยู่ไกลโพ้นกะพริบอยู่ตรงหน้าเรา เงาของเซเวียร์ดูราวกับทอดยาวข้ามปีแสง

ชั่วขณะหนึ่ง ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่า... เซเวียร์เคยเป็นแบบนี้ตอนเรียนมหาวิทยาลัยหรือเปล่านะ?

 

“ถูกต้อง พลังงานเชิงลบมีคุณสมบัติผลักดันแรงโน้มถ่วง ทำให้คอหอยของรูหนอนยังคงเปิดอยู่ และสิ่งของหรือสัญญาณสามารถเดินทางผ่านได้” อาจารย์ยูลีสเซสกล่าวต่อ

“ในโมเดลนี้ การเดินทางข้ามเวลาก็อาจเป็นไปได้”

“ตัวอย่างเช่น อุโมงค์ดีปสเปซเหนือพวกเรา อาจเป็นรูหนอนขนาดยักษ์”

“สัญญาณลึกลับจากดีปสเปซ อาจเดินทางมาถึงโลกที่อยู่ห่างไกลของเราได้”

“หรือไม่ก็อาจเป็นวัสดุบางอย่าง หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่น ที่ค้นพบเราได้ผ่านช่องทางจักรวาลนี้...”

 

“เธอคิดอะไรอยู่เหรอ?” เขาเอ่ยถาม

ฉันหลุดออกจากภวังค์ เซเวียร์ที่เหมือนข้ามผ่านความเวิ้งว้างของดวงดาวมายืนอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว

เขากลับมาอยู่ใกล้แค่เอื้อมอีกครั้ง

“...ฉันสงสัยน่ะ รุ่นพี่เป็นบัณฑิตดาราศาสตร์จริงๆ เหรอ?”

“ใครจะรู้ล่ะ ที่บ้านฉันมีใบปริญญาเยอะไปหมด ต้องลองไปเช็กดูก่อน”

“...?”

 

เสียงกริ่งดังขึ้นบอกเวลาเลิกคลาส ห้องเรียนที่แน่นขนัดเมื่อครู่กลับว่างเปล่าในทันที

ขณะที่อาจารย์เริ่มเก็บของ ฉันก็เดินเข้าไปหาเขา ตั้งใจจะถามถึงนักศึกษาที่ถูกโจมตี

 

อาจารย์อูลิสซีส : “เซเวียร์ คุณเป็นฮันเตอร์ดีปสเปซมานานขนาดนี้แล้ว ยังอยากย้อนอดีตไปใช้ชีวิตนักศึกษาอีกเหรอ?”

“...?”

อาจารย์เดินลงมาจากโพเดียม มือข้างหนึ่งถือกระเป๋า ส่วนอีกข้างล้วงกระเป๋ากางเกง ท่าทีเคร่งขรึมของเขาหายไป

“สวัสดี คุณเป็นฮันเตอร์ดีปสเปซด้วยหรือเปล่า? หรือว่าเป็นเพื่อนร่วมงานของเขา?”

“...นี่คืออูลิสซีสเพื่อนเก่าของฉันเอง ตอนนี้เขาเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์”

“...ผมได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองศาสตราจารย์เมื่อสองปีที่แล้ว”

“ยินดีด้วย”

“ขอบคุณ”

ครั้งก่อนเป็นเจเรไมอาห์คนขายดอกไม้ผู้ลึกลับ และตอนนี้ก็มาเจอกับอาจารย์ฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยอีก

ฉันรู้สึกตะลึงอีกครั้ง ว่าสังคมของเซเวียร์ช่างคาดเดาไม่ได้เลยจริงๆ

 

“เข้าเรื่องเลยดีกว่า คุณไม่ใช่คนที่จะมาที่นี่โดยไม่มีเหตุผลนี่ เกิดอะไรขึ้นที่มหาวิทยาลัยเหรอ?”

“ฉันมาทำภารกิจน่ะ”

“ถ้าคุณเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง เรื่องนี้คงไม่ใช่ภารกิจธรรมดา” เขาหยุดคิดก่อนจะพูดต่อ “...ผมควรคาดหวังว่าจะมีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นหรือเปล่า?”

(ดูเหมือนฉันจะไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนี้เกี่ยวกับเซเวียร์...แต่ก็ดีที่ทำให้ฉันมีจังหวะเหมาะ ๆ ถามเรื่อง ‘วอนเดอเรอร์’)

“ดร.อูลิสซีส เราได้ยินมาว่านักศึกษาคนหนึ่งของคุณถูกวอนเดอเรอร์โจมตีและหายไปหลายวัน คุณอยู่ในพื้นที่ตอนเกิดเหตุหรือเปล่าคะ?”

อูลิสซีสหยุดคิดสักครู่ก่อนจะพยักหน้า

“ผมอยู่ในห้องแล็บ กำลังเตรียมการประชุมอยู่ตอนที่ได้ยินเสียงกรีดร้องจากนอกห้อง แต่พอผมออกไปดูรอบ ๆก็ไม่เจออะไร”

“ผมมารู้ทีหลังว่านักศึกษาคนหนึ่งถูกวอนเดอเรอร์โจมตี โชคดีที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง”

ดูเหมือนอูลิสซีสจะไม่ได้เห็นวอนเดอเรอร์ นั่นจึงทำให้ฉันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

 

“ตัวปรับค่าความเสถียรฟลักซ์ในแล็บมีปฏิกิริยาบ้างไหม?”

“ไม่มีนะ”

ฉันเข้าใจทันทีว่าเซเวียร์กำลังชี้อะไร ถ้าตัวปรับค่าความเสถียรฟลักซ์ไม่ทำงาน นั่นหมายความว่าค่าเมตาฟลักซ์ของวอนเดอเรอร์ต้องต่ำกว่า 50

วอนเดอเรอร์ที่สามารถซ่อนตัวได้ถึงขนาดนี้มีอยู่ไม่มาก เราจึงสามารถจำกัดการค้นหาให้แคบลงได้

“มันยังเป็นไปได้ที่เรากำลังเจอกับวอนเดอเรอร์ที่ถูกดัดแปลง”

เหมือนเขาอ่านใจฉันออก เซเวียร์พูดเสริมขึ้นมาอีก ฉันจึงพยักหน้ารับ

 

“เข้าใจแล้ว ฉันจะให้แอนดรูว์เปรียบเทียบข้อมูลโปรโตเคิร์ฟกับรายละเอียดของวอนเดอเรอร์ที่เป็นไปได้”

“เดี๋ยวก่อน... ผมพึ่งนึกอะไรออก ตัวปรับค่าความเสถียรฟลักซ์อาจไม่สามารถตรวจจับค่าฟลักซ์ระดับนั้นได้ แต่ RMFMA ของศูนย์วิจัยอาจตรวจจับได้”

“RMFMA?”

“แต่ศูนย์วิจัยไม่ได้อยู่ใกล้ที่นี่เลย...”

“มันถูกย้ายมาอยู่ที่วิทยาเขตเมื่อต้นปีนี้ ดังนั้น ตอนนี้มันไม่ได้ไกลขนาดนั้นแล้ว มันน่าจะบันทึกค่าฟลักซ์เมตาและช่วงไดนามิกได้ตอนที่วอนเดอเรอร์ปรากฏตัว”

“งั้น เราใช้อุปกรณ์นั้นได้ไหมคะ?”

“RMFMA ย่อมาจาก Reflective Metaflux Field Monitor and Analyzer” เซเวียร์กล่าว

แม้ในใจจะเกิดความลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ฉันก็พยายามสลัดมันออกไปและรอให้อูลิสซีสตอบ

“ได้ ตราบใดที่คุณมีสิทธิ์ใช้งานมันและเข้าถึงระบบ คุณก็ใช้มันได้”

(แต่เราดูไม่ค่อยมีคุณสมบัติตรงนั้นเลย...)

“ไปกันเถอะ”

“หา?”

เซเวียร์หยิบกระเป๋าสะพายของฉันขึ้นมาแล้วหันไปทางอูลิสซีส

 

“คุณจะไม่พาเราไปหน่อยเหรอ?”

 

...........

 

ถึงนักอ่านที่รัก
×

Capture Chat Story

แชร์
ทวีต Line it

ปักหมุด

[ชื่อคนเขียน] -
[วันที่สร้างคอมเม้น]
[ชื่อคนเขียน] -
[วันที่สร้างคอมเม้น]