"มาแล้วสินะ เสร็จพอดี"
ชายชราผมขาวโพลนพยักหน้าเบา ๆ แล้วหันหน้าออกจากโต๊ะหมู่บูชา ทุกอย่างเป็นไปตามคาดการณ์ นับตั้งวันที่บิดาได้นำดวงชะตาของลูกชายมาตรวจดูก็พบความผิดปกติหลายอย่าง แต่ดินกลับเลือกที่ไม่บอกให้มุทิตารับรู้ทั้งหมด
ร่างบางเดินข้ามผ่านธรณีบ้านทรงไทยในรอบหนึ่งเดือน มีเพียงเสียงตามสายที่คอยส่งข่าวคราวมาให้ได้รับรู้ว่าสถานการณ์ฝั่งนั้นเป็นอย่างไร ตาที่สามของมุทิตาที่มีมาตั้งแต่เด็กถูกปิดลง การรับรู้เกี่ยวกับโลกวิญญาณถูกปิดกั้น วิญญาณที่เธอเคยช่วยเหลือและสำนึกในบุญคุณไม่สามารถติดต่อและเตือนภัยให้ได้ หนึ่งเดือนที่ผ่านมาคือช่วงเวลาที่มุทิตาต้องเผชิญทุกอย่างเพียงลำพังโดยแท้จริง
"ปู่ พ่อ ทำไมตั้งโต๊ะหมู่ตรงนี้ล่ะ มีอะไรรึเปล่า"
ทันทีที่เห็นโต๊ะหมู่บูชาถูกจัดขึ้นในตำแหน่งที่ต่างไปจากเดิมก็เกิดความสงสัย ในทุกตำแหน่งถูกทำตรงข้ามกันกับสิ่งที่ปู่เคยบอกมาตลอด
ดินผู้เป็นพ่อส่งยิ้มบาง กวักมือเรียกมุทิตาเข้ามานั่งใกล้ ๆ ตัว ทันทีที่มุทิตาก้าวข้ามธรณีประตูเท้าแตะลงบนพื้นไม้กระดาน ก็พลันเกิดเสียงไม่กระดานลั่นดังไปทั่งเรือนชาน
"ขอโทษนะจ๊ะปู่ ขอโทษนะจ๊ะพ่อ ที่มุมาแบบนี้ ทั้งที่ปู่กับพ่อสั่งห้ามแล้วว่าไม่ให้มุมาที่บ้านสักพัก แต่มุมีเรื่องร้อนใจจริง ๆ"
ดวงตาที่สามถูกปิดทั้งดวงชะตาตกยามเคราะห์หนัก กลายเป็นเป้าหมายของผู้ที่ทำคุณไสยเสริมวาสนาตน การอยู่ภายใต้ความคุ้มครองจากคนของสิงห์วรโชติคงดีกว่า แม้มุทิตาจะปิดบังแต่ปู่และพ่อที่เฝ้ามองชะตาของเธอกลับล่วงรู้มาโดยตลอด หนึ่งเดือนที่ผ่านมา มุทิตาถูกสั่งห้ามไม่ให้กลับมายังบ้านเรือนไทยแห่งนี้ หลายครั้งที่เอ่ยถามเหตุผล พ่อกลับตอบเพียงว่าเพราะแพลงก์ตอนป่วย ต้องการคนดูแลและกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ
"มุฝืนคำสั่งปู่กับพ่อ"
"ไม่เป็นไร ปู่ทำเสร็จพอดี มุมาก็ดีแล้ว"
พ่อครูเพ็งเจ้าของเชือกถักลงอาคมที่มุทิตาเคยมอบให้แพลงก์ตอนไป ในตอนที่ได้พบกันครั้งแรก เพราะตอนนั้นที่แพลงก์ตอนกำลังหาหลักฐานในที่เกิดเหตุ และคุณตำรวจกำลังถูกผีร้ายชุดสีแดงตามติด จนมารู้ภายหลังว่าเป็นเพราะแพลงก์ตอนนั้นเหยียบเลือดของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ
"อะไรเหรอจ๊ะปู่"
"จะมาขอเชือกถักสินะ"
"จ้ะ ปู่ยังพอมีอีกสักเส้นไหมจ๊ะ มุขอได้ไหม พี่เขาอาการไม่ดีเลย มีคน เอ่อ ...จะบอกว่าคนก็ไม่ถูกเท่าไหร่นักแต่เอาเป็นว่าเขาบอกให้มาเอาเชือกถัก'
"คนที่เขาบอก เขาไม่ได้ให้มาเอาเชือกถัก แต่เขาให้กลับมาหาคนที่เป็นเจ้าของเชือกต่างหาก"
ชายชราส่งยิ้มให้หลานชาย ที่อาจจะลืมไปว่า วิญญาณก็มีกฎของวิญญาณ ที่ไม่อาจพูดชัดเจนหรือพูดออกมาได้ทั้งหมด คนที่สื่อสารได้จึงจำเป็นต้องปะติดปะต่อและค้นหาคำตอบด้วยตนเองไม่ต่างจากการเล่นปริศนาคำใบ้
"ทำไมพ่อทำหน้าแบบนั้นล่ะ ไหนบอกว่าเข้าใจ บอกให้มุดูแลพี่เขา"
มุทิตาเอ่ยถาม เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อและปู่ยิ้มสบตากันไปมาหลายต่อหลายรอบ
"พ่อก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ทำไมคุณหมอหงุดหงิดง่ายจังวะ ว่าแต่ไอ้คุณตำรวจมันแล้วดีขึ้นรึยังล่ะ"
"ภายนอกก็ดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังนอนไม่ได้สติเลย"
"ให้มันได้อย่างนี้เถอะ....ได้ลูกกูเป็นเมียแล้วแต่ไม่คิดจะมาไหว้พ่อตา นอนเล่นอยู่เป็นเดือน"
ทั้งที่รู้ดีว่าด้วยเหตุใดว่าที่ลูกเขยจึงไม่ตื่นขึ้นมาแต่ก็ยังคงต้องการหยอกเย้า
"พ่ออ่า....ก็มุบอกไปแล้วไง ทีแรกก็ตั้งใจจะมากันเย็นนั้นแต่ดันเกิดเรื่องซะก่อน รักษาอยู่เป็นเดือนแล้วยังไม่ฟื้นเลย"
"เออ ๆ"
แววตาเต็มไปด้วยความเศร้าหมองจนดินเองเริ่มรู้สึกสงสารลูกที่ต้องมาพบเคราะห์กรรมในครั้งนี้ แต่จากดวงชะตาแล้วไม่น่าเป็นห่วงหากผ่านพ้นไปได้ทั้งคู่ก็จะมีแต่เรื่องที่ดีผ่านเข้ามา
"บางครั้งรักษากับหมอก็ได้แค่เยียวยาร่างกาย ฟื้นฟูกายหยาบ แต่บางทีสิ่งที่เรามองไม่เห็นก็มีผลกับการรักษาเหมือนกัน...แต่ก็ไม่แปลกหรอก มีคนป่วยอาการหนักขนาดนั้นใครจะมีเวลามาคิดอะไรซับซ้อน"
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเชือกถักเหรอปู่"
มุทิตาหันไปถามชายชราผมขาวที่นั่งนิ่งอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชากลางแจ้ง ที่ปกติแล้วจะไม่ถูกนำมาตั้งในบริเวณนี้
"พี่ต้อนรถคว่ำ แล้วทำไมเกี่ยวกับเชือกถักล่ะ"
"เพราะเอ็งมองไม่เห็นวิญญาณแล้ว ถึงไม่รู้ว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นเป็นเพราะวิญญาณทำให้มันเกิดขึ้น...ผีชุดแดง"
"วิญญาณตายโหงก็พอรู้ว่ามีฤทธิ์อยู่บ้างแต่จะมีเยอะขนาดถึงขั้นนั้นเลยหรอปู่"
"ผีชุดแดงที่มันคอยตาม ทีแรกก็ตามเพราะไม่พอใจหมวด แต่เพราะมีความขุ่นเคืองเป็นทุนตั้งต้น ทำให้คนที่ต้องการกำจัดหมวดเรียกวิญญาณมันไปสะกดแล้วใช้เป็นทาส"
มุทิตานั่งนิ่ง คิดทบทวนเรื่องราวย้อนกลับไป ท่าทีร้อนรนของวิญญาณคุณเทียด อาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมาพยายามติดต่อกับมุทิตามาเสมอ แต่ทุกอย่างกลับล้มเหลวจนกระทั่งวันนี้ ที่มุทิตาสามารถมองเห็นวิญญาณได้อีกครั้งด้วยความบังเอิญ คุณเทียดจึงสามารถสื่อสารเรื่องราวต่าง ๆ ได้อีกครั้ง
"ต่อให้เอาเชือกถักไปก็ไม่ฟื้นหรอก เพราะดวงจิตไม่ได้อยู่ที่นั่น มันถูกขังไว้ตั้งแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุ ต้องไปเอาดวงจิตของหมวดกลับมาก่อน"
มุติตาหน้าซีดลงในทันใด นี่ผ่านมาร่วมเดือนแสดงว่าที่แพลงก์ตอนไม่ฟื้นขึ้นมาเป็นเพราะวิญญาณไม่สามารถกลับเข้าร่างได้ และคุณเทียดพยายามที่จะติดต่อกับเธอแต่ไม่สำเร็จ
"ทุกอย่างมีเหตุจึงเป็นผล ไม่ต้องร้อนรนไป"
"แล้วมุจะช่วยพี่เขาได้ยังไง มุไม่อยากให้พี่เขาต้องทรมาน อยากให้เขาตื่นขึ้นมา"
"ดวงจิตของมันสุขสบายดี ที่ผ่านมาแม้จะโดนกักขังแต่มีสิ่งคุ้มครองที่ดี แต่ว่าตอนนี้สิ่งคุ้มครองนั้นจำเป็นต้องเปลี่ยนที่เปลี่ยนคน ไอ้หนุ่มนั่นหมดกรรมที่ต้องชดใช้เหมือนกัน"
"คุ้มครองแล้วทำไมไม่คุ้มครองให้ตลอดจะเปลี่ยนที่เปลี่ยนคนทำไมล่ะ"
"ที่ผ่านมาเขาต้องรอเวลา...ตอนนี้ที่ต้องเปลี่ยนที่เปลี่ยนคนเพราะได้เวลาแล้ว"
พ่อครูเพ็งผู้ถือคาถาอาคมมาทั้งชีวิต เอ่ยบอกหลานชายคนเดียวอย่างใจเย็น มีเรื่องราวมากมายที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะที่ควร
"เอามือมาสิ ปู่มีอะไรจะให้" ชายชราเอี้ยวตัวกลับไปหยิบม้วนเถาวัลย์ออกมาจากพานที่วางอยู่ด้านหน้าโต๊ะหมู่บูชาแล้วยื่นส่งให้มุทิตา
มุทิตายื่นมือไปด้านหน้าแบมือออกรับสิ่งของจากปู่ที่วางลงในมือเธอ เชือกที่มีขนาดใหญ่กว่าเส้นที่เคยมอบให้แพลงก์ตอน
"อะไรจ๊ะปู่ ให้มุทำอะไร"
"รู้ไหมว่าทำไมปู่ถึงบอกให้พ่อเอ็ง สั่งห้ามไม่ให้เอ็งมาที่นี่"
"ไม่รู้จ้ะ" มุทิตาส่ายหน้าปฏิเสธเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อไป
"พ่อบอกแกว่าให้มุดูแลพี่เขาให้ดี อย่าให้ใครมายุ่งกับร่างกายเขา"
"ใช่ วิญญาณถูกกักขังและร่างก็มีคนรอช่วงชิงเพื่อไปทำพิธีเป็นทาสรับใช้ ดวงแข็งดวงแรงอย่างนี้ได้ไปเป็นทาสรับใช้เสริมบารมีนายรับรองว่าไม่มีใครสู้ได้"
มุทิตามองที่เชือกในมือตัวเองอีกครั้ง
"เชือกแสงจันทร์"
"ใช่ เอ็งก็รู้นี่ว่าเชือกแสงจันทร์นี้ปลุกเสกยากและใช้เวลานานที่สำคัญมันเป็นคุณไสยมืด ถ้าไม่จำเป็นปู่เองก็ไม่อยากจะเอามันขึ้นมาใช้"
"แล้วเกี่ยวอะไรกับที่ไม่ให้มุมาบ้านล่ะปู่"
ทั้งบิดาและผู้เป็นปู่ต่างมองสบตากันแล้วส่งยิ้มบางให้แก่มุทิตาอีกครั้ง
"เพราะสิ่งที่จะมาอยู่กับเอ็งเขาบริสุทธิ์เกินไป ความบริสุทธิ์ของเขาจะขัดขวางพิธีปลุกเสกเชือกแสงจันทร์"
แม้มุทิตาจะไม่เข้าใจทั้งหมดว่าคำพูดของบิดาและผู้เป็นปู่นั้นหมายความว่าอย่างไร แต่การปลุกเสกเชือกแสงจันทร์เท่าที่พอมีความรู้มาบ้าง ก็เป็นไปตามที่ปู่ได้กล่าวไว้ เชือกนี้ต้องใช้เถาวัลย์ในป่าใหญ่และไม่ใช่เถาวัลย์ที่หาได้โดยทั่วไป ต้องเป็นเถาวัลย์ที่พันเกี่ยวอยู่บนยอดต้นไม้ใหญ่ ที่ไม่มีต้นไม้ใดขึ้นบดบังแสงทั้งกลางวันและกลางคืน นั่นหมายความว่าตลอดการเติบโตของมันจะได้รับแสงจันทร์อยู่เสมอ
และการทำพิธีปลุกเสกเชือกแสงจันทร์นี้ต้องทำติดต่อกันในคืนที่จันทร์เต็มดวงถึง 2 ครั้ง ซึ่งอย่างน้อยก็กินเวลาไป 2 เดือน
"โชคดีที่เดือนนี้เป็นทุติยะเพ็ญ เกิดจันทร์เต็มดวง 2 ครั้ง เอ็งเลยไม่ต้องรอนาน"
ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นไปตามดวงชะตา หนึ่งเดือนที่ปลุกเสกเชือกแสงจันทร์ทำให้สองพ่อลูกวัยชราเสียพลังไปไม่น้อย แต่แล้วอย่างไร....เมื่อได้รู้แล้วก็ไม่อาจปล่อยผ่านไปได้ และยิ่งคนคนนั้นเป็นคนที่ควรต้องช่วยไม่ว่าด้วยเหตุผลประการใดก็ตาม
"ถ้าเชือกนี้เป็นไสยดำ มุจะไม่เป็นไรเหรอจ๊ะ มุไม่มีคาถาเหมือนปู่กับพ่อนะ"
"ไอ้สิ่งที่อยู่กับเอ็งตอนนี้คุ้มครองเองได้ดีกว่าคาถาที่ปู่กับพ่อจะให้อีก"
ดินเอ่ยตอบลูกชาย ดาวจุติเคลื่อนเข้าสู่เจ้าของดวงชะตา ลาภก้อนใหญ่จากสัตว์ 2 เท้าจะมาถึง แม้อยากเอ่ยบอกออกไป แต่เจ้าของดวงจิตไม่ปรารถนาก็มิอาจฝืนกระทำโดยพละการได้ และแน่นอนว่าทุกอย่างต้องมีเหตุและผลตามมาเสมอ
"เขาให้บอกได้แค่นี้ก็รู้แค่นี้ไปก่อน เอาเชือกนี้ไปจัดการสิ่งที่สะกดวิญญาณเอาไว้"
ทุกอย่างถูกจัดแจงพร้อมสรรพราวกับรู้ล่วงหน้ามาก่อนว่ามุทิตาจะมาด้วยเหตุอันใดและต้องการสิ่งใดเพื่อจุดประสงค์ใด
มุทิตารีบตรงกลับไปยังสิงห์วิลเลจจิตใจแน่วแน่ไม่หวั่นไหว ต่อให้ต้องเจอภยันอันตรายใดต่อไปก็จะไม่หวั่นเกรงขอเพียงให้ได้แพลงก์ตอนกลับมาเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
"มุ ทำไมทำหน้าตาตื่นแบบนั้น" ออยส์เตอร์เอ่ยถามทันทีที่เห็นท่าทางร้อนรนของมุทิตา
"เฮียเตอร์ มุรู้แล้วจะช่วยเฮียต้อนยังไง...มุรู้แล้ว"
หมูดุดและบลูแทงค์ที่เดินมาได้ยินพอดีก็รีบปรี่เข้ามาหามุทิตาในทันที ทั้งสองดูจะร้อนรนไม่แพ้กับมุทิตาในตอนนี้
"ยังไงมุ ช่วยยังไงบอกเฮียมา"
"เอ่อ.....เฮียเชื่อเรื่องคุณไสย แบบพวกไสยศาสตร์ไหม"
ความเชื่อในยุคสมัยที่เทคโนโลยีพัฒนานำหน้าศีลธรรม จนไม่อาจคาดเดาได้ว่าแต่ละคนนั้นมีทัศนคติและความเชื่อต่อสิ่งเหล่านี้อย่างไร
"ตั้งแต่เจอผีชุดแดงมาไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วมั้ง ว่าแต่มีอะไรบอกมาได้เลย"
หมูดุดยังคงคอนเซ็ปต์ ถามไม่ตอบแต่ที่ตอบไม่ได้ถาม
"ปู่บอกว่าต้องหาของที่ใช้สะกดวิญญาณให้เจอ มันถูกเอาไว้ที่เกิดเหตุนั่นแหละ แต่เวลาผ่านไปเป็นเดือนแล้วเราจะหาเจอไหม"
"ก็ให้มันรู้ไปว่าบอดี้การ์ดทั้งตระกูลสิงห์วรโชติ รวมกับ T&T Security แล้วจะหาไม่เจอ...ไป!!!!"
บลูแทงค์วิ่งนำหน้าทุกคนออกมา จัดการสั่งรวมพลบอดี้การ์ดทั้งหมดโดยมีหมูดุดต่อสายตรงถึงผู้บริหาร T&T Security อย่างโอเชี่ยนเพื่อขอใช้คนทั้งหมดที่สามารถช่วยได้ในตอนนี้
หากที่เกิดเหตุอยู่ในชุมชนเมืองก็คงกลายเป็นเรื่องแตกตื่นไปในทันที เมื่อเหล่าบอดี้การ์ดชุดดำถูกสั่งให้ละทิ้งยูนิฟอร์ม เหลือไว้เพียงกางเกงขาสั้นที่ท่อนบนเปลือย อวดกล้ามเนื้อเฟิร์มซิกแพคแน่นของเหล่าบอดี้การ์ดที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดีร่วม 100 ชีวิต
"นี่ขนาดกูสั่งกลับไปบางส่วนแล้วยังเหลือเป็นร้อยเลยหรอวะ เขาจะไม่ได้คิดว่าเราก่อม็อบประท้วงใช่ไหมวะ"
หมูดุดหันไปกระซิบกับออยสเตอร์ แต่ก็เท่านั้นเพราะอย่างไรเขาก็ไม่เปลี่ยนใจสั่งให้คนกลับไปตอนนี้ เวลาผ่านไปร่วม 3 ชั่วโมงที่ปูพรมค้นหาแทบทุกตารางนิ้วแต่กลับไม่มีใครเห็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับคำว่าหมุดสะกดวิญญาณ
"ไม่เจออะไรเลยมุ" บลูแทงค์บอกน้องสะใภ้
"แต่ปู่บอกมุมาแบบนี้จริง ๆ นะ มุไม่ได้โกหก"
"เฮียรู้เฮียรู้ ใจเย็น ๆ ก่อนอย่าเพิ่งร้อนใจ มันอาจจะมีอะไรที่เรามองข้ามไปก็ได้ มุพอจะนึกออกหรือพอจะจำอะไรได้บ้างไหมที่พอจะเป็นหมุดสะกดวิญญาณ"
คำพูดของบลูแทงค์ทำให้มุทิตานึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่นำมาใช้สะกดวิญญาณไม่จำเป็นต้องมีลักษณะเป็นหมุดหรือแท่งไม้เสมอไป
"ผ้า...มีผ้ามีห่ออะไรแปลก ๆ แถวนั้นไหม"
บลูแทงค์ไม่ได้ตอบคำถามน้องสะใภ้ หากแต่วิ่งกลับไปแล้วสั่งให้ทุกคนปูกำลังค้นหาอีกครั้ง โดยเน้นที่ห่อผ้าหรือเศษผ้าทุกชิ้นให้นำมาให้มุทิตาดู
ผ่านไปครู่ใหญ่เบื้องหน้ามุทิตาก็เต็มไปด้วยเศษผ้าและข้าวของมากมาย ที่คาดว่าจะใกล้เคียงกับสิ่งที่นำมาใช้เป็นสื่อกลางหรือใช้เป็นอุปกรณ์ในการสะกดวิญญาณ แต่กลับไม่มีอะไรเลยที่บ่งบอกว่ามันเป็นเช่นนั้น
"ใต้คานสะพานครับนาย ตรงที่นายน้อยตกลงไปมีห่อผ้าสีดำอยู่"
ทุกคนต่างมุ่งตรงมายังจุดที่ถูกพบห่อผ้า มุทิตาใช้เชือกแสงจันทร์ทำเป็นบ่วงแล้วรัดดึงให้ห่อผ้านั้นตกลงมาก็พบว่ามีสิ่งของที่ใช้ทำคุณไสยอยู่ด้านในห่อผ้านั้น เสียงกรีดร้องคล้ายกับเป็นเสียงของหญิงชุดแดงดังสนั่นโดยรอบ ด้วยอำนาจของคุณไสยที่ถูกทำลายทำให้ทุกคนต่างได้ยินเสียงกรีดร้องที่ชวนขนหัวลุกนั้นอย่างชัดเจน
"เราจะพาเฮียต้อนไปหาปู่ยังไง...ร่างเคลื่อนย้ายไม่ได้ งั้นไปรับปู่กับพ่อไปโรงพยาบาลกัน"
ทุกอย่างที่กำลังจะคลี่คลายลงกลับพบอุปสรรคครั้งใหญ่เมื่ออยู่ ๆ ก็เกิดลมกรรโชกแรงท้องฟ้าที่เคยสว่างกลับมืดลงในทันใด
ตืดดดดดด เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของมุทิตาดังขึ้น
"ฮัลโหลพ่อ"
"บอกทุกคนให้ถอยออกห่างแล้วแกฟาดเชือกแสงจันทร์ลงบนพื้น 3 ครั้ง อย่าให้ใครไปอยู่ตรงปลายเชือกเป็นอันขาดให้ถอยมาอยู่ด้านหลังแกทั้งหมด ไม่งั้นของจะเข้าตัว....แล้วเอ็งรีบมาที่โรงพยาบาล อย่าช้า...เพราะดวงจิตของคุณตำรวจเขาอยู่นอกกายหยาบมานานเกินไปและไม่มีสิ่งคุ้มครองแล้ว"
มุทิตาไม่มีเวลามากพอที่จะเอ่ยถามว่าพ่อและปู่รู้ได้อย่างไรว่าตัวเองกำลังเผชิญสิ่งใดอยู่ ทุกอย่างต้องทำด้วยความรวดเร็ว มุทิตาทำตามคำแนะนำของพ่อเพียงไม่นานฟ้าที่มืดครึ้มลมกรรโชกแรงก็ค่อย ๆ อ่อนกำลังลงและสว่างขึ้นจนเป็นปกติ
มุทิตาและบรรดาพี่น้องของแพลงก์ตอนมาถึงที่โรงพยาบาลก็พบว่าปู่และพ่อของเธอมารออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว และสิ่งที่ดีไปกว่านั้นก็คือมุทิตาสามารถมองเห็นดวงจิตของแพลงก์ตอนที่ยืนอยู่เบื้องหลังของปู่ได้แล้ว
"เฮีย"
"อย่ามัวแต่พิรี้พิไรมันจะไม่ทันการณ์"
ทุกคนเข้าสู่ตึกพิเศษด้วยประตูด้านหลังไปยังห้องพัก VVIP ที่ใช้เป็นห้องพักฟื้นของแพลงก์ตอน เมื่อเข้ามายังด้านในห้องพักร่างโปร่งใสของผู้หมวดสิงห์ฐรฉัตร ก็ได้เห็นตัวเองนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย รอบตัวเต็มไปด้วยเครื่องหัตถการทางการแพทย์
มุทิตาเดินมาหยุดที่เบื้องหน้าร่างโปร่งใสโดยที่ไม่มีใครสามารถมองเห็นได้นอกจากเธอ ปู่และพ่อของเธอ
"ขอโทษนะมุ ที่ทำให้มุต้องเหนื่อยขนาดนี้"
มุทิตากลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ ปาดน้ำตาที่ไหลอาบอยู่บนใบหน้าออกก่อนจะเอ่ยตอบร่างโปร่งที่อยู่ตรงหน้า
"ไม่เป็นไรเลยแค่เฮียกลับมาหามุก็ดีแล้ว แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ต่อให้เหนื่อยกว่านี้มุก็ยอม"
"ไอ้ต้อนเหรอ มันเป็นไงบ้าง ไอ้น้องเวรทำพวกกูเป็นห่วงแทบตายมึงรู้ไหม"
บลูแทงค์แสร้งทำเป็นเดือดดาล ทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยความสุขที่ความหวังเล็ก ๆ นั้นกำลังจะเป็นจริงเขากำลังจะได้น้องชายกลับคืนมา
"รู้เฮีย...ขอโทษที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง" แพลงก์ตอนที่ยังเป็นร่างโปร่งใสเลยตอบพี่ชายแต่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสได้ยินมุทิตาจึงจำเป็นต้องรับบทเป็นผู้ส่งสารให้แก่บลูแทงค์และคนอื่นๆ
"เฮียต้อนฝากขอโทษทุกคนด้วยที่ทำให้เป็นห่วง"
ไม่มีใครถือโทษหรือโกรธเขาจริงจังทุกคนล้วนแล้วแต่ดีใจจนเนื้อเต้นแทบจะตะโกนร้องออกมาหากไม่ติดว่าที่นี่คือโรงพยาบาลและมีป้ายงดใช้เสียงอยู่แทบทุกมุม
"สวัสดีครับปู่สวัสดีครับพ่อ"
"ใครพ่อมึงบอกจะมาไหว้กูจนป่านนี้ นอกจากจะไม่มาไหว้กู กูยังต้องมาช่วยมึงอีกด้วยซ้ำเนี่ย"
พ่อดินแสร้งทำเมินว่าที่ลูกเขยที่ยังไม่ได้กลับเข้าร่าง
"ขอบคุณนะครับ"
"ไปเถอะรีบกลับเข้าร่างคนอื่นเขาห่วงจะแย่อยู่แล้ว" พ่อครูเพ็งเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้งตามวัยที่ร่วงโรยผมขาวโพลนเต็มศีรษะ
"ถ้าผมไม่กลับเข้าร่างตอนนี้ ผมมีเวลาอีกนานแค่ไหนครับ"
"พี่ต้อน พูดอะไรออกมา"
ท่าทางของมุทิตาทำให้เราพี่น้องหันความสนใจไปในทิศทางเดียวกันแต่ก็ไม่มีใครพูดแทรกสิ่งใดออกมาในเวลานี้
"ทำไมพี่จะไม่ยอมกลับเข้าร่าง รู้ไหมว่ามุ กับทุกคนรอพี่ เป็นห่วงพี่มากแค่ไหน"
"พี่รู้และพี่ได้ยินทุกอย่างที่มุพูดกับพี่มาตลอด หนึ่งเดือน พี่รู้ว่าทุกคนเป็นห่วง"
"แล้วทำไมพี่ถึงจะไม่ยอมกลับเข้าร่าง"
"เพราะว่าตอนเป็นคนพี่หาหลักฐานเอาผิดมันไม่ได้ ตอนนี้พี่สามารถไปไหนก็ได้ที่ไม่มีใครเห็น"
มุทิตาหันไปอธิบายให้เราพี่น้องของเขาได้ฟังแม้จะไม่มีใครเห็นด้วยแต่กลับไม่มีใครเอ่ยขัดขึ้นมา
"มิติใหม่ของการเป็นสายสืบ...ตอนเป็นคนสืบไม่ได้ก็เป็นวิญญาณไปสืบสินะ มึงนี่น่าได้เป็นอธิบดีกรมตำรวจนะ"
หมูดุดพ่นลมหายใจออกมา
"ขอโทษนะครับปู่ ถ้าไอ้เวรน้องผมมันจะไปสืบราชการแบบนี้ มันมีเวลานานไหมครับ ที่มันจะไม่ตายจริง ๆ"
"ไปได้ ข้าจะร่ายคาถาคุ้มครองให้ แต่มันต้องกลับมาภายใน 3 วันไม่เช่นนั้นต่อให้เทวดาก็ช่วยไม่ได้แล้ว"
ในเมื่อมาถึงขนาดนี้และรู้อยู่เต็มอกว่าใครคือผู้บงการอยู่เบื้องหลังขาดเพียงแต่พยานและหลักฐานที่จะเอาผิด การเป็นวิญญาณก็ไม่ได้แย่เสมอไปในเมื่อเขาได้ยินเสียงของมุทิตาและครอบครัว นั่นหมายถึงว่าเขาก็ย่อมได้ยินเสียงของคนร้ายด้วยเช่นกัน หนึ่งเดือนที่ผ่านมาแพลงก์ตอนเก็บข้อมูลได้ไม่น้อย แม้จะได้ยินเพียงแค่เสียงไม่เห็นหน้าแต่ก็พอจะจับประเด็นและใจความสำคัญได้
"กูจะไม่ให้คนเลวอย่างมึงได้ขึ้นเป็นใหญ่"
#หล่อเกินกำหนดตามกฎหมายปจ
#จักรวาลสิงห์วรโชติ
สืบคดีแบบใหม่แบบสับสายลับวิญญาณหล่อ ไอ้พวกลูกหลานเอ้ยแกช่วยเป็นปกติให้ฉันหน่อยได้ไหม รุ่นที่แล้วก็หาเมียเป็นชาวน้ำ อีกคนส่งไปโคกอีแร้งปอบยังกลัวโดนมันจะจับกิน รุ่นนี้มึงจะสืบคดีโดยการเป็นวิญญาณล่องหน โอ้โห้ เขาโหวตเลือกอธิบดีกรมตำรวจที่ไหนฉันจะไปโหวตแกอีแพลงก์ตอน
หมูดุด : มันควรได้เป็นอธิบดีนะมามี๊หนูจะได้ค้าอาวุธฉ่ำเลย
ซาบะ : ถ้าน้องกูเป็นอธิบดีกรมตำรวจ ผับกูจะปิดตี 5 ครึ่งเปิด 6 โมงเช้า
แมคเคอเรล : ปิดทำไมวะแค่นั้น
ซาบะ : เพื่อไม่ให้คนพูดได้ว่ามีน้องเป็นอธิบดีกรมตำรวจแล้วกูเปิด 24 ชั่วโมง รักษาภาพลักษณ์ที่ดีให้น้องผิดตรงไหนวะ
ซาดีน : ผิดตั้งแต่มึงเกิดแล้ว!!!
บลูแทงค์ : อย่ามาเถียงกันสบายใจความวุ่นวายมันยังไม่หมด!!!
Capture Chat Story
“มาเป็นคนแรกที่โดเนทให้กำลังใจนักเขียนกันเถอะ”

โดเนทสูงสุดของเรื่อง หล่อเกินกำหนดตามกฎหมาย²³(Plankton)|Mpreg (SC5)จักรวาลสิงห์วรโชติ | ||||
---|---|---|---|---|
![]() 460.00 ![]() | ![]() 230.00 ![]() | ![]() 205.00 ![]() | ![]() 200.00 ![]() |
โดเนทสูงสุดของ ตอนย่อยนี้ | ||||
---|---|---|---|---|
![]() 20.00 ![]() | ![]() 20.00 ![]() | ![]() 10.00 ![]() | ![]() 2.00 ![]() | ![]() มาโดเนทกัน |