⚠️warning⚠️
"อ่านกันสักนิด เนื้อหาภายในเรื่องอาจมีคำหยาบคาย เหตุการณ์และสถานที่ในเรื่องนี้เป็นสิ่งที่สมมติขึ้นมาเพียงเท่านั้น นักแสดงที่ได้ยกตัวอย่างมาไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับเนื้อเรื่องทั้งหมด เป็นเพียงตัวละครที่สมมติขึ้นมาเพียงเท่านั้นเนื้อหาภายในเรื่องไม่ได้มีเจตนาทำให้ศิลปินเสียหาย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านให้ถี่ถ้วนด้วยนะคะ"
.
.
.
แสงแดดยามเช้าสาดส่องเล็ดลอดผ่านทางช่องแคบเล็ก ๆ เข้ามาภายในห้องสีดำสนิทขนาดใหญ่
ภายในห้องที่ตกแต่งไปด้วยเฟอร์นิเจอร์อย่างเรียบง่าย กับความเงียบสงบที่ได้ยินเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศ
ร่างสูงที่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียง ได้เอื้อมมือปิดนาฬิกาปลุกที่ตั้งอยู่บนหัวเตียง
วันนี้เป็นวันแรกที่เขาต้องเข้ารับช่วงต่อจากพ่อของเขา
รสชาติของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่นั้นใช่ว่าจะสบายอย่างที่เขาคิดเมื่อยังเด็ก
แค่ขึ้นต้นคำว่า 'มนุษย์' ทุกอย่างล้วนมีหน้าที่ของมันติดตามมาตั้งแต่ต้น
"ป้านวลครับ วันนี้ผมขอแค่ขนมปังกับกาแฟนะครับ"
"วันนี้ผมจะออกไปทำธุระข้างนอก ถ้าของใช้รวมถึงของในตู้เย็นขาดเหลืออะไร รบกวนแจ้งผมมาทีนะครับ"
"ผมจะแวะซื้อเข้ามาทีเดียวเลยครับ"
ภายในบ้านหลังใหญ่ในเช้าวันนี้มีเพียงคนโตสุดอย่างร่างสูงรวมถึงแม่บ้านและการ์ดเท่านั้นที่ตื่นเช้า
ส่วนน้องทั้งสามคนป่านนี้ยังคงนอนกันอย่างสบายภายในห้องของตนเอง
ร่างสูงไม่เคยบังคับให้น้องทุกคนตื่นเช้า
หากแต่วันใดที่แต่ละคนมีธุระในวันนั้นจะต้องรับผิดชอบตนเองให้ได้
หากทำไม่ได้คนโตสุดอย่าง 'ภูผา' จะคอยตักเตือนทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียนิสัย
ทว่ามีเสียงเจื้อยแจ้วลงมาจากชั้นบนของบ้านน้ำเสียงอันคุ้นเคยที่อ่อนหวานเช่นนี้
มีเพียงน้องเล็กสุดอย่าง 'วายุ' แน่นอน
"ตื่นไวจังเลยครับ"
"วันนี้ต้องเข้าบริษัทหรอครับ"
คำเอ่ยทักทายแรกของน้องชายคนเล็กที่ถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนที่รักมาตั้งแต่เล็ก ๆ
ทำให้เด็กคนนี้มีใบหน้าที่ยิ้มแย้มสดใสราวกับดวงตะวันเรียกได้ว่าใครอยู่ใกล้จะต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอน
เขาเปรียบเสมือนความสดใสของบ้านหลังนี้ไปเสียแล้ว
"ใช่ครับ วันนี้เฮียมีเข้าบริษัทแต่คงเข้าไปทำธุระแค่แปปเดียว"
"แล้วเราละ ตื่นมาทำไมแต่เช้าครับ หืม"
"ยังไม่เปิดเทอมไม่ใช่หรอครับ"
คนโตสุดกล่าวตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลที่หากใครได้ฟังจะชวนให้ผ่อนคลายสบายใจ
ไม่มีแม้สักครั้งที่คนโตสุดจะขึ้นเสียงใส่คนที่เป็นน้องแม้แต่คนเดียว
ทว่าเขาจะใช้น้ำเสียงนี้กับทุกคนมีเพียงแค่บุคคลภายในบ้านหลังนี้เท่านั้นที่ได้รับความอ่อนโยนนี้
หากเป็นกับบุคคลภายนอกแล้วเขาเป็นคนที่ดูนิ่งเย็นชามองว่าโลกส่วนตัวสูงทว่าแท้จริงแล้วกลับตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง
"ลงมาหาอะไรทานนิดหน่อยครับ เดี๋ยวก็คงขึ้นห้องแล้ว"
"วันนี้กลับเร็วมั้ยครับ หรือว่าไม่รู้เวลาที่แน่นอน"
"ยังไม่รู้เลยครับ ว่าจะไปซื้อของเข้ามาที่บ้านด้วยเราจะเอาอะไรมั้ย" คนโตสุดตอบกลับ
"มีอะไรทานบ้างครับป้านวล ผมขอกอดหน่อยครับ"
เจ้าของน้ำเสียงทุ้มมีเสน่ห์แพรวพราวนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก 'สายฟ้า'
น้องคนรองของบ้านหลังนี้ที่โดยปกติแล้วหากไม่มีธุระอันใดจะไม่มีใครได้เห็นใบหน้าของเขาแม้แต่คนเดียว
ทว่าวันนี้กลับแปลกไปนอกจากจะตื่นเช้าได้แล้วกลับดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษราวกับถูกหวยรางวัลที่หนึ่งเลยก็ว่าได้
"วันนี้ตื่นเช้าได้ไงเนี่ยเฮียสาย ปกตินอนทั้งวันทั้งคืน"
คำเอ่ยทักทายของน้องเล็กสุดเจื้อยแจ้วเอ่ยแซวน้องคนรอง
ที่โดยปกติแล้วแทบจะไม่เคยได้ร่วมโต๊ะอาหารในช่วงเวลาเช้า ๆ แบบนี้สักเท่าไร
จะเห็นหน้าคร่าตาก็ตอนมื้อค่ำเพียงเท่านั้น
"อะไรเรา ไม่ต้องมาแซวเฮียเลยกินเข้าไปจะได้โตไว ๆ"
"แล้ววันนี้ไปบริษัทอ่อ แต่งตัวซะเนี้ยบเชียว"
"จะไปซื้อของเข้าบ้านป้ะ จะได้ไปรอที่ห้างมีธุระแถวนั้นพอดี"
น้องคนรองของบ้านเอ่ยคำทักทายกับพี่โตสุดภายในบ้าน
สำหรับคนนี้แล้วเรียกได้ว่าเป็นเด็กที่โดนเลี้ยงมาด้วยความตามใจอยู่บ้าง
ทว่าน้องคนรองไม่ได้มีนิสัยที่เอาแต่ใจมากนักเพราะมีพี่ๆ คอยตักเตือนและห้ามปรามอยู่บ้าง
เป็นธรรมดาของวัยรุ่นที่ต้องมีเรื่องให้ปวดหัวอยู่พอสมควรแต่ไม่ถึงขั้นหนักหนาสาหัสสักเพียงใด
พี่โตสุดเป็นคนที่สนิทกับน้องๆ ทุกคนที่สุดเนื่องจากต้องเป็นคนดูแลแทนพ่อและแม่ของตนที่ตอนนี้อาศัยอยู่ในต่างประเทศ
"อืมใช่ ให้ป้านวลจดรายการที่ขาดหรือหมดมาให้อยู่"
"แล้วไปทำธุระแถวไหนไปพร้อมเฮียเลยมั้ย"
"แล้วเฮียธารยังไม่ตื่นหรอครับ"
"ใครถามหาผมแต่เช้า"
ยังไม่ทันพูดจบประโยคก็ได้ยินน้ำเสียงทุ้มต่ำแทรกขึ้นมากลางบทสนทนา
ทั้งสามคนหันไปตามเสียงที่มาก่อนจะปรากฏใบหน้าคมเรียบนิ่งที่กลายเป็นใบหน้าที่ดูปกติไปเสียแล้ว
"อ้าวเฮียจะไปไหนอะ เฮียจะเข้าสนามแข่งหรอ" น้องคนรองเอ่ยถาม
"แล้วนี่มีแข่งหรือแค่เข้าไปดูสนาม" พี่คนโตสุดเอ่ยถามต่อ
พี่คนรองอย่าง 'ธารา' ตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเรียบนิ่งพลางทานอาหารเช้าควบคู่กันไปด้วย
พี่คนรองมีนิสัยที่ค่อนข้างจะโลกส่วนตัวสูงแต่ไม่ถึงขั้นตีตัวออกห่างจากคนในบ้าน
แค่เป็นคนที่ไม่ชอบสุงสิงกับใครคนอื่นมากนักนอกเสียจากจะคุยในเรื่องของธุรกิจ
สำหรับบุคคลภายนอกแล้วนั้นคนคนนี้น่าจะเป็นคนที่ทุกคนไม่กล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยที่สุด
"ว่าจะเข้าไปดูสนามหน่อย เสร็จแล้วก็คงกลับ"
"ไม่ก็คงไปต่อที่ไหนสักที่นึง"
บทสนทนาบนโต๊ะอาหารในเช้าของวันนี้ยังคงไหลลื่นไปเรื่อย ๆ
จนถึงเวลาที่ทุกคนต้องแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวของตนเอง
ถือว่าเป็นการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่ดีของพี่คนโตเนื่องจากน้อง ๆ
ทุกคนตื่นมารับประทานอาหารเช้ากันอย่าพร้อมหน้าพร้อมตา
ร่างสูงก้มมองนาฬิกาทรงกลมที่อยู่ภายใต้ชุดสูทสีดำของเขา
และคาดการเวลาในการเดินทางไปยังบริษัทของตนเองภายใต้หน้ากากที่เป็นบุคคลที่นิ่งและเย็นชา
แต่แอบซ่อนไปด้วยความอ่อนโยนและอบอุ่น
รถตู้คันใหญ่สีดำสนิทขับเคลื่อนเข้ามายังบริษัทเป็นอันรู้กันดีว่าบุคคลที่อยู่ภายในรถนั้นคงเป็นใครอื่นไปไม่ได้
นอกเสียจากประธานบริษัทคนใหม่ที่เข้ามารับช่วงต่อแทนครอบครัวของเขา
สองเท้าก้าวลงจากรถสวมสูทสีดำคลุมทับเสื้อสีขาวสะอาดตาด้านในก่อนจะหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าประตูใหญ่
เมื่อเห็นพนักงานทุกฝ่ายลงมาต้อนรับกันเป็นจำนวนมาก
"สวัสดีค่ะท่านประทาน รับกาแฟมั้ยคะ" เลขาเอ่ย
เลขาที่ดูแล้วอายุรุ่นราวคราวเดียวกับตนเอง
ทว่าอาจโตกว่าสักสองสามปีกล่าวถามเพื่อเป็นคำทักทายของเช้าวันแรกในการทำงาน
หลังจากนี้เขาเองคงต้องปรับตัวและเรียนรู้กับอะไรหลาย ๆ อย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
ภายในห้องสีขาวดูสะอาดตากับความเงียบที่ได้ยินเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่
ร่างสูงทำการสำรวจพื้นที่ภายในห้องทำงานของตนเอง
ห้องที่ถูกวางไปด้วยโต๊ะ เก้าอี้ โซฟาเพื่อรับแขกที่เข้ามาทำสัญญาหรือข้อตกลงในการทำธุระกิจกับตน
พร้อมกับมีมุมสำหรับเลขาส่วนตัวของเขาเองซึ่งในตอนนี้ยังไม่มีการเปิดรับสมัครใดๆ
ร่างสูงนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งของตนเอง
เอนตัวพักพิงเบาะนุ่มเพื่อเป็นการผ่อนคลายก่อนจะเริ่มทำงานอย่างจริงจัง
ความคิดมากมายถาโถมเข้ามาอย่างล้นหลาม
เขาจะสามารถดูแลบริษัทนี้ได้ดีเท่ากับพ่อของเขาหรือไม่ ความกลัวต่างๆ ทะลักอยู่ภายในเบื้องลึกของจิตใจ
"คุณเลขาครับ วันนี้ผมรบกวนเปิดรับสมัครเลขาส่วนตัวให้ผมทีนะครับ"
"ผมขอเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้นะครับ"
"ได้ค่ะท่านประธาน"
"เรียกผมว่าภูผาดีกว่าครับ"
"รับทราบค่ะคุณภูผา"
"วันนี้มีเซ็นต์เอกสารทั้งหมดห้าเล่มนะคะ"
"โอเคครับ ถ้าอย่างงั้นผมรบกวนลงตารางเวลาว่างช่วงบ่ายให้ผมทีนะครับ"
"รับทราบค่ะ อันนี้เอกสารทั้งหมดนะคะ"
"ขอบคุณครับ"
เวลาล่วงเลยผ่านไปนานนับหลายชั่วโมง...
ร่างสูงเหลือบมองนาฬิกาตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว
พนักงานทุกคนแยกย้ายกันพักผ่อนร่างกายและรับประทานอาหารกลางวันของตนเอง
ก่อนจะกลับเข้ามาทำงานอีกครั้งในช่วงบ่าย
เอกสารทั้งหมดถูกเคลียร์จนเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย
ร่างสูงเองสัมผัสได้ถึงความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการทำงาน
เขาทำเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงยังมีความล้าเข้ามามากมายขนาดนี้
ทว่าพนักงานของเขานั้นทำงานกันเต็มวันเขาจะมีความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากันเพียงใด
ไลน์
เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นระหว่างทางการเดินไปยังรถสีดำคันใหญ่
ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่าน้องคนรองน่าจะถึงจุดหมายที่ได้นัดกันไว้ในช่วงเช้าแล้วอย่างแน่นอน
"ลุงหมายครับ ผมรบกวนไปห้างก่อนเข้าบ้านนะครับ"
"ได้ครับคุณหนู"
ระหว่างการเดินทางไปยังห้างสรรพสินค้านั้น
ร่างสูงกวาดสายตามองออกไปด้านนอก
ทว่าสายตาพลันเหลือบไปเห็นชายหนุ่มร่างหนาคนหนึ่งที่รู้สึกคุ้นเคยกับใบหน้าหวานนั้นซะเหลือเกิน
ทว่าเขากลับจำไม่ได้ว่าเคยเห็นใบหน้านี้จากที่ใด
"รอผมสักครู่นะครับ คงไม่นานมาก"
"ตามสบายเลยครับคุณหนู"
"ถ้าลุงอยากได้อะไรเพิ่มเติมโทรหาผมนะครับ"
.
.
"เฮียทางนี้ ไหนอะรายการที่จะซื้อ"
"ไม่ต้องซื้อเยอะหรอก เดี๋ยวออกมาซื้อใหม่ได้"
"รับทราบครับเฮีย"
"งั้นเฮียไปดูของใช้มั้ย เดี๋ยวผมไปดูของสดให้"
"เอางั้นก็ได้จะได้เร็วหน่อย"
"เสร็จแล้วมาเจอกันที่เคาท์เตอร์หนึ่งแล้วกัน"
สองพี่น้องทำการซื้อข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านจนเวลาผ่านไปนานนับชั่วโมง
หลังจากนั้นทั้งคู่เดินทางกลับบ้านเพื่อให้แม่บ้านได้จัดเรียงข้าวของทั้งหมดเข้าที่ให้เรียบร้อย
เพื่อความสะดวกสบายในการหยิบใช้งานในครั้งถัดไป
"อ้าวเฮียสายมากับเฮียธารได้ไงอะ แอบหนีไปเที่ยวกันมาป้ะเนี่ย"
"เฮียกับเฮียสายไปซื้อของเข้าบ้านมาครับ"
"เราอะเบื่อมั้ยอยู่แต่บ้าน"
"ไม่เบื่อครับ วันนี้น้องลงมาช่วยป้านวลทำขนมด้วย"
"ขนมอะไรไอ้แสบ ไหนเอามาให้เฮียชิมหน่อย"
"อร่อยแน่นอน เฮียธารเอามั้ย"
"ได้ครับ"
"ป้านวลค้าบ ขอขนมสองที่ให้เฮียธารกับเฮียสายหน่อยครับ"
"รอป้าสักครู่นะคะคุณหนู แล้วคุณหนูไม่รับด้วยหรอคะ"
"ไม่ดีกว่าครับ แค่ชิมตอนทำก็ไม่ไหวแล้วครับ55555"
"เดี๋ยวป้าเอาไปให้ที่โต๊ะนะคะ"
ไลน์
ไลน์
เสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์ดังขึ้น
ทว่าครั้งนี้ไม่ทราบดีว่าเป็นใครที่ทักข้อความเข้ามารัวขนาดนี้
จะบอกว่าเป็นพี่คนรองก็ไม่ใช่อย่างแน่นอน
เพราะรายนั้นมีเหตุอะไรจะโทรเข้ามาโดยทันทีไม่รีรอทักข้อความให้เสียเวล่ำเวลามากนัก
เมื่อมองไปที่แจ้งเตือนนั้นก็พบว่าเป็นเพื่อนสนิทของร่างสูงอย่าง "ทิวา" นั่นเอง
ที่บอกว่าจะเข้ามานั่งเล่นที่บ้านของตนในค่ำคืนนี้
ร่างสูงนั้นมีเพื่อนอยู่เพียงไม่กี่คนและคนที่จะเข้ามาที่บ้านของเขาในวันนี้นั้น
ถือว่าเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของร่างสูงแล้ว
ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเพื่อนคนนี้จะเป็นคนคอยให้คำปรึกษาและอยู่เคียงข้างกันมาตลอดเวลา
"เซฮายครับเพื่อน"
"เป็นไงทำงานวันแรก"
"วันนี้ยังไม่มีไรมากวะ แค่เซ็นต์เอกสารนิดหน่อย"
"เอาหน่ามึงค่อยๆ เรียนรู้กันไปทีละนิด"
"ไม่ลองถามอามึงอะว่ามีอะไรแนะนำบ้างเปล่า"
"ไว้ลองทักไปตอนนี้ยังพอไปได้อยู่แหละ"
"อ้าวเฮียทิวมาตั้งแต่เมื่อไร" สายฟ้ากล่าวทักทาย
"สักพักแล้ว ว่าแต่เราเหอะสายฟ้าเรียนปีไหนละ"
"ขึ้นปี4แล้วครับ"
"ไวดีนี่หว่า ตั้งใจเรียนละมีอะไรก็บอกเฮียได้ เฮียก็เห็นพวกเอ็งเป็นน้องคนนึง"
"ขอบคุณครับเฮีย"
ร่างสูงเดินเข้ามาภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ไร้แสงไฟ
มีเพียงความเงียบและร่างกายของเขาเพียงเท่านั้น
เขาทิ้งตัวลงบนโซฟาขนาดใหญ่กับความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดทั้งวัน
ก่อนจะลุกไปชำระล้างร่างกายเพื่อรับการพักผ่อนที่ตนเองโหยหา
แสงไฟหรี่สีส้มที่หัวเตียงพร้อมกับเทียนหอมกลิ่นมิดไนท์ที่ร่างสูงชื่นชอบ
เขานอนหลับไปพร้อมกับกลิ่นที่คุ้นเคยเช่นนี้ในทุกค่ำคืน
.
.
.
สามารถติชมได้นะคะ
น้อมรับทุกความคิดเห็น
Capture Chat Story
“มาเป็นคนแรกที่โดเนทให้กำลังใจนักเขียนกันเถอะ”
เมธา - winnysatang

ใหม่ไปเก่า

